แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์ร่วมรู้ถึงการหลอกลวงตั้งแต่เดือนกันยายน 2527 แม้เพิ่งมีหลักฐานเมื่อเดือนธันวาคม 2527 แสดงว่าจำเลยฉ้อโกง ก็เป็นเรื่องของการหาหลักฐานในการดำเนินคดี อันเป็นคนละกรณีกับที่โจทก์ร่วมรู้ว่าถูกหลอกลวง อายุความต้องเริ่มนับแต่เดือนกันยายน 2527โจทก์ร่วมร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีแก่จำเลยเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์2528 จึงเกินกำหนด 3 เดือน เมื่อเป็นคดีความผิดอันยอมความได้คดีจึงขาดอายุความตาม ป.อ. มาตรา 96.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341, 83 กับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนหรือชดใช้ราคาทรัพย์สินเป็นเงินไทย 900,000 บาท แก่ผู้เสียหายด้วย
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ระหว่างการพิจารณา ผู้เสียหายขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341, 83 ลงโทษจำเลยที่ 1 ปรับ 6,000 บาท ลงโทษจำเลยที่ 2 จำคุก 3 ปี ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนเงิน 106,000มาร์คเยอรมนี หรือ 836,000 บาท แก่โจทก์ร่วม
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ร่วมฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาวินิจฉัยว่า คดีขาดอายุความหรือไม่ ข้อเท็จจริงได้ความตามคำเบิกความของโจทก์ร่วมว่า โจทก์ร่วมได้ทำสัญญาเข้าหุ้นส่วนกับจำเลยที่ 1 และมอบเงินจำนวน 116,000มาร์คเยอรมนี ให้จำเลยที่ 2 เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2527ทำสัญญาแล้วโจทก์ร่วมกลับไปประเทศเยอรมนีได้พูดคุยกับบุคคลต่าง ๆที่ประเทศเยอรมนี ทราบว่าจำเลยที่ 2 คดโกงคนจนหลบหนีจากประเทศเยอรมนี เป็นคนต้องห้ามมิให้กลับประเทศ โจทก์ร่วมกลับมาประเทศไทยในเดือนกันยายน 2527 และขอถอนสัญญากับจำเลยที่ 2แต่จำเลยที่ 2 ไม่ยอมให้ถอน โจทก์ร่วมทราบว่าหนังสือเดินทางของจำเลยที่ 2 จะหมดอายุในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2528 โจทก์ร่วมจึงต่อรองขอให้จำเลยที่ 2 คืนเงินให้ เพราะจำเลยที่ 2 โกงเงินคนมามากจะต้องเดินทางหนีไปก่อนหนังสือเดินทางหมดอายุ ข้อเท็จจริงตามคำของโจทก์ร่วมดังกล่าวนั้น การที่โจทก์ร่วมขอเงินคืนจากจำเลยที่ 2 โจทก์ร่วมมิได้อ้างถึงเหตุผลใดที่จะขอถอนหุ้นและเงินคืนเมื่อกลับมาจากประเทศเยอรมนีในเดือนกันยายน 2527 ดังนั้นเหตุที่โจทก์ร่วมขอเงินคืนและถอนหุ้นเช่นนั้น จึงเป็นที่เห็นได้ว่าโจทก์ร่วมรู้ว่าถูกหลอกลวงให้ร่วมหุ้นซึ่งถ้ากรณีมีการหลอกลวงกันจริงก็แสดงว่าโจทก์ร่วมได้รู้ถึงการหลอกลวงตั้งแต่เดือนกันยายน 2527 ที่โจทก์ร่วมฎีกาว่าโจทก์ร่วมได้สืบทราบในเดือนธันวาคม 2527 โดยมีหลักฐานแสดงว่าจำเลยทั้งสองฉ้อโกงโจทก์ร่วมนั้น เป็นเรื่องของการหาหลักฐานในการดำเนินคดี อันเป็นคนละกรณีกับที่โจทก์ร่วมรู้ว่าถูกหลอกลวง จะเอาเดือนธันวาคม 2527มานับเริ่มต้นอายุความไม่ได้ อายุความต้องเริ่มนับแต่เดือนกันยายน 2527 อันเป็นวันที่ถือว่าโจทก์ร่วมรู้ว่าถูกหลอกลวงโจทก์ร่วมมาร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีแก่จำเลยทั้งสองเมื่อวันที่ 19กุมภาพันธ์ 2528 ซึ่งเกินกำหนด 3 เดือน เมื่อคดีนี้เป็นคดีความผิดอันยอมความได้ คดีจึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 96 ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ร่วมฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.