คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3946/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้จำเลยที่ 4 จะมิได้เป็นผู้ลงลายมือชื่อในเช็คพิพาทแต่การที่จำเลยที่ 4 เป็นกรรมการผู้มีอำนาจแล้วยังเป็นผู้ดำเนินกิจการของบริษัทจำเลยที่ 1 และได้ร่วมกับจำเลยที่ 2 ที่ 3 ในการออกเช็คชำระหนี้ของจำเลยที่ 1 โดยวางแผนแบ่งหน้าที่ให้จำเลยที่ 2ที่ 3 ซึ่งเป็นกรรมการมีอำนาจกระทำการแทนจำเลยที่ 1 ด้วยการกรอกรายการ และลงลายมือชื่อในเช็คแล้วจำเลยที่ 4 รับมา ตรวจ และประทับตราสำคัญจำเลยที่ 1 อันทำให้รายการของเช็คสมบูรณ์เป็นเช็คที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งจ่าย ดังนี้ ถือว่าจำเลยที่ 4ได้ร่วมกับจำเลยที่ 2 ที่ 3 ในการออกเช็คโดยมีเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คแล้ว โจทก์บรรยายฟ้องเป็นที่เข้าใจว่า จำเลยร่วมกันออกเช็คที่มีรายการสมบูรณ์เป็นตราสารชำระหนี้ตามกฎหมายตามสำเนาภาพถ่ายเช็คและหลักฐานการปฏิเสธการจ่ายเงินของธนาคารที่แนบมาท้ายฟ้องเป็นฟ้องที่บรรยายการกระทำที่อ้างว่าเป็นความผิดเพียงพอที่ทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด มีจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 เป็นกรรมการ จำเลยทั้งสี่ได้ร่วมกันออกเช็คธนาคารกรุงไทย จำกัด สาขาคลองเตย รวม 6 ฉบับ ซึ่งออกชำระหนี้ให้แก่ผู้ถือ โจทก์ได้รับชำระหนี้ด้วยเช็คทั้ง 6 ฉบับดังกล่าว และได้นำเข้าบัญชีที่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาคลองเตยเมื่อเช็คทั้ง 6 ฉบับถึงกำหนดใช้เงิน แต่ธนาคารตามเช็คได้ปฏิเสธการจ่ายเงิน การกระทำของจำเลยทั้งสี่เป็นการร่วมกันออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 83
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยที่ 2 ที่ 3 หลบหนีการพิจารณา ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งจำหน่ายคดีจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3
จำเลยที่ 4 ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 4 มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 เรียงกระทงความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 รวมจำคุกจำเลยที่ 4 มีกำหนด 4 ปี 3 เดือน
จำเลยที่ 4 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 4 ฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามที่จำเลยที่ 4ฎีกาคัดค้านขึ้นมาว่าจำเลยที่ 4 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 2 ที่ 3ออกเช็คในนามของจำเลยที่ 1 ชำระหนี้แก่บริษัทเมโทรเมทอลส์ จำกัดตามที่โจทก์กล่าวหาหรือไม่ เห็นว่านอกจากโจทก์จะนำสืบพยานที่เป็นผู้รับมอบเช็คที่กล่าวมาตามฟ้องจากจำเลยที่ 4 แล้ว โจทก์ยังมีนายไพโรจน์ เณรคล้าย พนักงานเก็บเงินของบริษัทอาคเนย์เหล็กเส้นจำกัด ซึ่งทำหน้าที่ไปเก็บเงินค่าเหล็กเส้นที่บริษัทจำเลยที่ 1ลูกค้าเป็นเวลาประมาณ 4 ปีมาแล้ว มาเบิกความว่า นายไพโรจน์ไปติดต่อเก็บเงินจากจำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นผู้เก็บสมุดเช็คและตราประทับของจำเลยที่ 1 ไว้ จำเลยที่ 4 จะเป็นผู้พิมพ์จำนวนเงินในเช็คโดยให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 ลงลายมือชื่อแล้วจำเลยที่ 4จะเป็นผู้ประทับตราบริษัทจำเลยที่ 1 นอกจากนี้โจทก์ยังมีนายนพพรตันมานะธรรม กรรมการผู้จัดการบริษัทพัฒนาสติล จำกัด และนายถาวร อนันต์คูลี กรรมการผู้จัดการบริษัทแปซิฟิคเมทอลส์ จำกัดมาเบิกความสนับสนุนโจทก์เกี่ยวกับพฤติการณ์ของจำเลยที่ 4 ซึ่งแสดงตนเป็นผู้มีอำนาจบริหารงานของบริษัทจำเลยที่ 1 โดยแสดงออกทางด้านสังคม ตามหลักฐานภาพถ่ายหมาย จ.21 ถึง จ.26 ข้อเท็จจริงที่ปรากฏตามคำเบิกความพยานโจทก์ดังกล่าวประกอบกับที่ปรากฏตามคำเบิกความของนายมณี บุญวรรณโณ ผู้จัดการธนาคารกรุงเทพ จำกัดสาขาคลองเตยว่า นอกจากจำเลยที่ 4 จะเปิดบัญชีเงินฝากในนามจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 4 มีอำนาจสั่งจ่ายเช็คร่วมกับจำเลยที่ 2 ที่ 3 แล้ว จำเลยที่ 4 ยังเป็นผู้ติดต่อขอเบิกเงินเกินบัญชีจำเลยที่ 1 ไว้กับธนาคารในวงเงิน 3,000,000 บาท และยังเป็นผู้มาติดต่อกับนายมณีขอเบิกเงินเกินบัญชีจากวงเงินตามสัญญาเป็นกรณีพิเศษอีกด้วยนั้น ฟังได้ว่าจำเลยที่ 4 นอกจากเป็นกรรมการผู้มีอำนาจแล้ว ยังเป็นผู้ดำเนินกิจการบริษัทจำเลยที่ 1 และได้ร่วมกับจำเลยที่ 2 ที่ 3 ในการออกเช็คชำระหนี้ของจำเลยที่ 1 โดยวางแผนแบ่งหน้าที่ให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 ซึ่งเป็นกรรมการมีอำนาจกระทำการแทนจำเลยที่ 1 ด้วย การกรอกรายการและลงลายมือชื่อในเช็ค แล้วจำเลยที่ 4รับมาตรวจและประทับตราสำคัญจำเลยที่ 1 อันทำให้รายการของเช็คสมบูรณ์เป็นเช็คที่จำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งจ่าย แม้จำเลยที่ 4 จะมิได้เป็นผู้ลงลายมือชื่อในเช็ค แต่ก็ถือว่าการที่จำเลยที่ 4 ทำหน้าที่เป็นผู้ตรวจรายการเช็คและประทับตราสำคัญจำเลยที่ 1เป็นการกระทำร่วมกับจำเลยที่ 2 ที่ 3 ในการออกเช็คโดยมีเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 ประกอบกับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ฎีกาจำเลยที่ 4 ในข้อนี้จึงฟังไม่ขึ้น ส่วนฎีกาในข้อฟ้องเคลือบคลุมนั้น เห็นว่า แม้ตามฟ้องโจทก์จะมิได้บรรยายการกระทำของจำเลยที่ 4 ว่าได้ร่วมในการออกเช็คกับพวกอย่างไร เมื่อข้อเท็จจริงที่บรรยายฟ้องเป็นที่เข้าใจว่าเป็นการร่วมกันออกเช็คที่มีรายการสมบูรณ์เป็นตราสารชำระหนี้ตามกฎหมายตามสำเนาภาพถ่ายเช็คและหลักฐานการปฏิเสธการจ่ายเงินของธนาคารที่แนบมาท้ายฟ้องก็ถือเป็นฟ้องที่บรรยายการกระทำที่อ้างว่าเป็นความผิดเพียงพอที่ทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้วไม่ถึงกับเป็นฟ้องเคลือบคลุม ฎีกาจำเลยที่ 4 ในข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกันคำวินิจฉัยของศาลล่างทั้งสองชอบแล้ว ฎีกาจำเลยที่ 4 ฟังไม่ขึ้น แต่ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้เรียงกระทงลงโทษจำเลยที่ 4 ในกระทงที่กำหนดโทษเป็นเดือนโดยคำนวณเป็นปีนั้นไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไข
พิพากษาแก้เป็นว่า เรียงกระทงความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 รวมจำคุกจำเลยที่ 4 มีกำหนด 3 ปี 15 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share