คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 632/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลฎีกาพิพากษาว่า เมื่อจำเลยทั้งสองชำระเงินให้โจทก์แล้วให้จำเลยทั้งสองรับใบหุ้นจำนวน 2,000 หุ้นที่สั่งให้โจทก์ซื้อไว้ไปจากโจทก์ด้วย เมื่อจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกหนี้ร่วมได้ชำระหนี้ตามคำพิพากษาศาลฎีกาดังกล่าวโดยนำเงินมาวางไว้ต่อศาลแล้วโจทก์ต้องนำใบหุ้นจำนวนดังกล่าวมาวางต่อศาลเสียก่อนจึงจะมีสิทธิรับเงินที่จำเลยที่ 1 นำมาวางไว้ไปจากศาลได้ ส่วนที่โจทก์อ้างว่าโจทก์ตีราคาหุ้นดังกล่าวซึ่งเป็นหลักประกันหักกับหนี้ของจำเลยที่ 2ในคดีล้มละลายแล้วนั้นไม่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ หากโจทก์มีข้ออ้างที่จะไม่ต้องชำระหนี้แก่จำเลยทั้งสองอย่างไร ก็ชอบที่จะไปว่ากล่าวกันเป็นคดีใหม่ต่างหาก.

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลฎีกาได้พิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลล่างทั้งสองว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชำระเงิน485,116.18 บาท แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย เมื่อจำเลยทั้งสองชำระเงินให้โจทก์แล้ว ให้จำเลยทั้งสองรับใบหุ้นบริษัทเอเซียไฟเบอร์จำกัด จำนวน 2,000 บาท หุ้นที่สั่งให้โจทก์ซื้อไว้ไปจากโจทก์ด้วยจำเลยที่ 1 นำเงินตามจำนวนที่ต้องรับผิดตามคำพิพากษาศาลฎีกามาวางต่อศาลชั้นต้นเพื่อให้โจทก์รับไป และขอให้โจทก์นำใบหุ้นของบริษัทดังกล่าวมาวางต่อศาลเพื่อให้จำเลยทั้งสองรับไป
โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอรับเงินที่จำเลยที่ 1 นำมาวางไว้ไปจากศาล ส่วนใบหุ้นของบริษัทเอเซียไฟเบอร์ จำกัด จำนวน2,000 หุ้นดังกล่าว โจทก์ในฐานะเจ้าหนี้มีประกันได้ตีราคาหุ้นดังกล่าวซึ่งเป็นหลักประกันเป็นเงิน 250,000 บาท นำไปหักกับจำนวนหนี้ที่โจทก์ไปยื่นคำขอรับชำระหนี้ของจำเลยที่ 2 ในคดีนี้ในคดีล้มละลายที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 2 เป็นบุคคลล้มละลายต่อศาลชั้นต้นแล้วหุ้นดังกล่าวจึงตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ โจทก์จึงไม่จำต้องโอนให้จำเลยทั้งสอง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ให้โจทก์โอนหุ้นแก่จำเลยที่ 1 ก่อนจึงรับเงินไปได้เต็มจำนวนตามคำพิพากษา
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ศาลฎีกาได้พิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลล่างทั้งสองว่า เมื่อจำเลยทั้งสองชำระเงินให้โจทก์แล้ว ให้จำเลยทั้งสองรับใบหุ้นบริษัทเอเซียไฟเบอร์ จำกัด จำนวน 2,000 หุ้นที่สั่งให้โจทก์ซื้อไว้ไปจากโจทก์ด้วย ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเมื่อจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกหนี้ร่วมได้ชำระหนี้ตามคำพิพากษาศาลฎีกาดังกล่าวโดยนำเงินมาวางไว้ต่อศาลแล้ว โจทก์ต้องนำใบหุ้นจำนวนดังกล่าวมาวางต่อศาลเสียก่อน จึงจะมีสิทธิรับเงินที่จำเลยที่ 1นำมาวางไว้ไปจากศาลได้ ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่า โจทก์ได้ตีราคาหุ้นดังกล่าวซึ่งเป็นหลักประกันหักกับหนี้ของจำเลยที่ 2 ในคดีล้มละลายแล้วนั้นไม่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ หากโจทก์มีข้ออ้างที่จะไม่ต้องชำระหนี้แก่จำเลยทั้งสองอย่างไร ก็ชอบที่จะไปว่ากล่าวกันเป็นคดีใหม่ต่างหาก ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share