แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความผิดตาม พระราชบัญญัติ ฝิ่น ซึ่งบัญญัติโทษไว้ทั้งจำคุกและปรับนั้น ถ้าไม่ใช่กรณีเรื่องเพิ่มโทษตาม พระราชบัญญัติฝิ่นพ.ศ.2472 มาตรา 68แล้วก็ตกอยู่ภายในบทบัญญัติของมาตรา 11,23 แห่ง กฎหมายลักษณะอาญา คือเมื่อศาลเห็นสมควรจะยกโทษปรับเสียให้จำเลยรับโทษจำคุกแต่สถานเดียวก็ได้
ย่อยาว
คดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานมีมูลฝิ่น และกล้องสูบฝิ่นไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติฝิ่นพ.ศ. 2472 มาตรา 34, 53, 66 พระราชบัญญัติฝิ่น (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2494 มาตรา 7 ให้จำคุก 1 เดือน สำหรับโทษปรับให้ยกเสียตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 11 และ 12 ลดตามมาตรา 59 เสียกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 15 วัน จำเลยต้องขังมาพอแก่โทษแล้ว ให้ปล่อยตัวไป ของกลางริบ
โจทก์อุทธรณ์ในข้อกฎหมายว่า มาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติฝิ่น (ฉบับที่ 6)พ.ศ. 2494 บัญญัติโทษไว้ทั้งจำคุกและปรับ ขอให้ลงโทษปรับอีกสถานหนึ่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาต่อมา
ศาลฎีกาเห็นว่า กรณีความผิดในคดีฝิ่นเรื่องนี้ มิใช่เป็นเรื่องเพิ่มโทษผู้กระทำผิดตามพระราชบัญญัติฝิ่น พ.ศ. 2472 มาตรา 68 ฉะนั้น จึงตกอยู่ภายในบทบัญญัติของมาตรา 11, 23 แห่งกฎหมายลักษณะอาญา ศาลอาจใช้ดุลพินิจวินิจฉัยเหตุการณ์เฉพาะสำหรับคดีเรื่องหนึ่ง ๆ เมื่อเห็นสมควรจะยกโทษปรับเสีย ให้จำเลยรับโทษจำคุกสถานเดียวก็ได้
จึงพิพากษายืน