คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6126/2534

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยฎีกาโดยเพียงแต่ลอกคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นมาทั้งหมดชนิดคำต่อคำ ไม่ได้คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าไม่ถูกต้องอย่างไร และที่ถูกต้องเป็นอย่างไร ศาลฎีกาย่อมไม่รับวินิจฉัย.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็ค จำนวนเงิน 27,290 บาทซึ่งจำเลยทั้งสองเป็นผู้สั่งจ่าย ต่อมาธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกัน ชำระเงินจำนวน 27,290 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองให้การว่า เช็คพิพาทมีการยกเลิกแล้ว จำเลยทั้งสองไม่เคยมีนิติสัมพันธ์ใด ๆ กับโจทก์ และโจทก์มิใช่ผู้ทรงโดยสุจริตเพราะนำเช็คพิพาทมาฟ้องโดยรู้อยู่แล้วว่ามูลหนี้ตามเช็คได้ระงับลงแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 27,290 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันที่ 2 มีนาคม 2530 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแต่จำนวนดอกเบี้ยก่อนฟ้องต้องไม่เกินกว่า 900 บาท
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “จำเลยทั้งสองฎีกาโดยลอกคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นมาทั้งหมดชนิดคำต่อคำ แต่คำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นก็ถูกศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับเสียแล้ว โดยจำเลยทั้งสองมิได้ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ว่าไม่ถูกต้องอย่างไรและที่ถูกต้องเป็นอย่างไร ทั้งฎีกาของจำเลยทั้งสองที่ว่า โจทก์ไม่ใช่ผู้ทรงเช็คผู้ถือเนื่องจากไม่ปรากฏว่าห้างหุ้นส่วนจำกัดเทียมเฮงได้โอนเช็คพิพาทให้แก่ โจทก์และโจทก์เรียกเก็บเงินแทนห้างหุ้นส่วนจำกัดเทียมเฮงผู้ทรงเช็คนั้น จำเลยทั้งสองไม่ได้ให้การต่อสู้ไว้ ฎีกาจำเลยทั้งสองจึงนอกประเด็น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย”
พิพากษายกฎีกาจำเลยทั้งสอง.

Share