คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5958/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นลูกจ้างของผู้ร้องโดยเป็นผู้จัดการดูแลเก็บผลประโยชน์ สามารถกระทำการแทนผู้ร้องได้ การที่จำเลยซึ่งเป็นผู้แทนของผู้ร้องจัดให้มีการเล่นบิลเลียดพนันเอาทรัพย์สินโดยไม่ได้รับอนุญาต ดังนี้ถือได้ว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการเล่นการพนันดังกล่าว ผู้ร้องจะอ้างว่าจำเลยได้กระทำนอกเหนือขอบอำนาจที่ผู้ร้องได้มอบหมายให้ไม่ได้ และคดีนี้จำเลยได้ให้การรับสารภาพว่าจำเลยได้จัดให้มีการเล่นบิลเลียดพนันเอาทรัพย์สินโดยไม่ได้รับอนุญาตตามฟ้อง และปรากฏในบันทึกการจับกุมว่า ชั้นจับกุมได้แจ้งข้อหาว่าจำเลยจัดให้มีการเล่นบิลเลียด (สนุกเกอร์)เพื่อให้ได้มาซึ่งประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อมโดยไม่ได้รับอนุญาตของกลางจึงเป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิดดังนี้ฟังได้ว่า ผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลย

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยเป็นเจ้าสำนักจัดให้มีการเล่นบิลเลียดพนันเอาทรัพย์สินโดยไม่ได้รับอนุญาตกับให้ริบโต๊ะบิลเลียด 2 โต๊ะ ไม้คิวสำหรับแทงบิลเลียด 2 โต๊ะ ไม้คิวสำหรับแทงบิลเลียด 16 อัน ไม้เร็ต 10 อัน กระดานจดแต้ม 2 อันแปรง 2 อัน สามเหลี่ยม 2 อัน และลูกบิลเลียด 35 ลูก ซึ่งเป็นของกลาง
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์โต๊ะบิลเลียดพร้อมอุปกรณ์ โดยเช่าซื้อมาจากนางกรองกาญจน์ประดิษฐ์ฐารมย์ รวม 7 ชุด และถูกศาลชั้นต้นพิพากษาริบไป 2 ชุดซึ่งผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจหรือร่วมกระทำความผิด ขอให้คืนโต๊ะบิลเลียดพร้อมอุปกรณ์ 2 ชุด แก่ผู้ร้อง
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องไม่ใช่เจ้าของโต๊ะบิลเลียดที่ศาลชั้นต้นพิพากษาริบ และผู้ร้องมีส่วนรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิด ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ยุติว่าโต๊ะบิลเลียด2 โต๊ะ พร้อมอุทธรณ์ของกลางเป็นของผู้ร้อง คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องว่า ผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดหรือไม่ เห็นว่าผู้ร้องเบิกความรับว่าจำเลยเป็นลูกจ้างของผู้ร้องโดยเป็นผู้จัดการดูแลเก็บผลประโยชน์ สามารถกระทำการแทนผู้ร้องได้การที่จำเลยซึ่งเป็นผู้แทนของผู้ร้องจัดให้มีการเล่นบิลเลียดพนันเอาทรัพย์สินโดยไม่ได้รับอนุญาต ดังนี้ถือได้ว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการเล่นการพนันดังกล่าว ผู้ร้องจะอ้างว่าจำเลยได้กระทำนอกเหนือขอบอำนาจที่ผู้ร้องได้มอบหมายให้ไม่ได้
ส่วนที่ผู้ร้องอ้างว่าของกลางไม่ใช่ทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำผิดเนื่องจากในวันเกิดเหตุไม่ได้มีการเล่นการพนันนั้น เห็นว่า จำเลยได้ให้การรับสารภาพว่าจำเลยได้จัดให้มีการเล่นบิลเลียดพนันเอาทรัพย์สินโดยไม่ได้รับอนุญาตตามฟ้อง และปรากฏในบันทึกการจับกุมว่าชั้นจับกุมได้แจ้งข้อหาว่าจำเลยจัดให้มีการเล่นบิลเลียด (สนุกเกอร์)เพื่อให้ได้มาซึ่งประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อมโดยไม่ได้รับอนุญาตของกลางจึงเป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิด
สรุปแล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลย
พิพากษายืน

Share