คำวินิจฉัยที่ 174/2561

แหล่งที่มา : สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยฯ

ย่อสั้น

คดีเดิมผู้ฟ้องคดียื่นฟ้องนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ที่ ๑ อธิบดีกรมที่ดิน ที่ ๒ ผู้ถูกฟ้องคดี ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ต่อศาลปกครองว่า ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองปฏิบัติหน้าที่ล่าช้าเกินสมควร กรณีผู้ฟ้องคดีร้องเรียนต่อผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองว่ามีผู้แอบอ้างเป็นเจ้าของที่ดินสาธารณประโยชน์แปลงดอนหมากกะทันและเรียกเก็บค่าเช่าที่ดิน ขอให้ตรวจสอบและสั่งให้หยุดการกระทำดังกล่าว แต่ยังไม่ทราบผลการดำเนินการ ขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองแจ้งผลการดำเนินการให้ทราบ โดยศาลปกครองได้มีคำพิพากษาแล้ว จึงถือได้ว่าศาลและคู่ความในคดียอมรับอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีของศาลปกครองเหนือคดีนี้ แม้ต่อมาศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายกคำพิพากษาของ ศาลปกครองชั้นต้น แล้วให้ดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่โดยให้เรียกนางสาว ส. และกรมเจ้าท่า เข้ามาเป็นผู้ร้องสอดและพิพากษาหรือมีคำสั่งตามรูปคดี ในระหว่างการพิจารณาคดีใหม่ตามคำสั่งของศาลปกครองสูงสุด นาง พ. กับพวกรวม ๒๘ คน ยื่นคำร้องสอดขอเข้ามาเป็นคู่กรณีโดยอ้างว่าเป็นผู้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินบริเวณดอนหมากกะทันเช่นเดียวกับนางสาว ส. ที่ดินดังกล่าวไม่ใช่ที่สาธารณประโยชน์ ศาลปกครองแยกคดีในส่วนที่เกี่ยวกับผู้ร้องสอดทั้งยี่สิบแปด ซึ่งเป็นผู้ร้องสอดที่ ๒ ถึงที่ ๒๙ ออกจากคดีเดิมไปเป็นสำนวนคดีใหม่ก็ตาม แต่ก็ยังเป็นเรื่องเดียวกับคดีเดิมโดยอาศัยคำฟ้องและกำหนดตัวผู้ฟ้องคดีและผู้ถูกฟ้องคดีเช่นเดียวกับคดีเดิม และมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยเช่นเดียวกับประเด็นในคดีเดิมว่า ผู้ถูกฟ้องคดีละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควรหรือไม่ นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาคำร้องสอดของผู้ร้องทั้งยี่สิบแปดมิได้ขอให้ศาลบังคับให้ตนมีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาท แต่เป็นการขอเข้ามาในคดีเดิมเพื่อแสดงข้อเท็จจริงและโต้แย้งแสดงพยานหลักฐาน เนื่องจากตนเป็นผู้มีส่วนได้เสียในคดี เป็นผู้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินเช่นเดียวกับนางสาว ส. ซึ่งศาลปกครองเรียกเข้ามาในคดีและผู้ร้องสอดที่ ๓๐ ถึงที่ ๓๙ ในคดีเดิม ดังนั้น คำร้องสอดของผู้ร้องทั้งยี่สิบแปดจึงเป็นเรื่องเดียวกันกับคำฟ้องในคดีเดิม และคำร้องสอดของนางสาว ส. ผู้ร้องสอดที่ ๑ และผู้ร้องสอดที่ ๓๐ ถึงที่ ๓๙ จึงชอบที่จะได้รับการพิจารณาคดีไปด้วยกัน เมื่อคดีนี้เป็นคดีที่ผู้ฟ้องคดีฟ้องว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติในการดูแลรักษาที่สาธารณะหรือปฏิบัติหน้าที่ล่าช้าเกินสมควร อันเป็นคดีพิพาทตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๒) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ คดีนี้จึงเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง

Share