แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลย 2 คนได้ร่วมรู้กับคนร้าย ไปในการปล้นทรัพย์แต่ไม่ได้ไปลงมือทำการปล้นด้วยเป็นแต่นั่งรออยู่ในรถยนต์ซึ่งคนร้ายใช้เป็นพาหนะไปปล้น จอดอยู่ห่างที่เกิดเหตุราว 20 เส้น เมื่อคนร้ายปล้นได้ทรัพย์แล้ว ก็มาขึ้นรถ จำเลยทั้งสองก็กลับมารถพร้อมกันจำเลยคนหนึ่งเป็นคนขับรถยนต์นั้น ดังนี้ ต้องถือว่าจำเลยทั้ง 2 ได้กระทำการอุดหนุนแก่ผู้กระทำผิดในการปล้นทรัพย์มีผิดฐานสมรู้ยังไม่ถึงขั้นเป็นตัวการ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยกับพวกที่หลบหนีรวมประมาณ 8-9 คน ได้สมคบกันปล้นทรัพย์นายน้อย นางพยอม ขอให้ลงโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทุกคนมีผิดตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 301 ที่แก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายลักษณะอาญา ฯลฯ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
นายต๋อย นายแฉล้ม นายสวัสดิ์ จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว คงฟังข้อเท็จจริงว่า นายต๋อยจำเลยได้ไปด้วยกับพวกปล้น โดยเป็นคนขับรถทั้งไปและกลับ นายสวัสดิ์และนายแฉล้มจำเลย ก็ได้ไปกับพวกปล้นรายนี้ด้วยดุจกัน แต่ไม่ได้ไปทำการปล้น เป็นแต่นั่งคอยอยู่ในรถกับนายต๋อยจำเลย
สำหรับนายสวัสดิ์จำเลย โจทก์ไม่ได้สืบถึงข้อพิรุธที่เกี่ยวกับนายสวัสดิ์จำเลยแต่อย่างใด นายสวัสดิ์จำเลยอาจจะไม่ได้ร่วมรู้ในการปล้นก็ได้ กรณียังเป็นที่สงสัยอยู่ควรยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้เป็นผลดีแก่นายสวัสดิ์จำเลย
ส่วนนายต๋อย นายแฉล้มจำเลยนั้น ปรากฏว่าได้ร่วมรู้ไปในการปล้นทรัพย์ด้วย แม้จะไม่ได้ไปลงมือทำการปล้นด้วย เป็นแต่นั่งรออยู่ในรถยนต์ซึ่งคนร้ายใช้เป็นพาหนะไปปล้นจอดอยู่ห่างที่เกิดเหตุราว 20 เส้นเศษ เมื่อคนร้ายปล้นได้ทรัพย์แล้วก็มาขึ้นรถ จำเลยทั้งสองก็กลับมากับรถพร้อมกัน โดยนายต๋อยเป็นคนขับ เห็นว่า การกระทำของจำเลยทั้งสองเท่าที่กล่าวมา ต้องถือว่า จำเลยได้กระทำการอุดหนุนแก่ผู้กระทำผิดในการปล้นทรัพย์มีผิดเพียงฐานสมรู้ ยังไม่ถึงขั้นเป็นตัวการ
จึงพิพากษาแก้ว่า นายต๋อย นายแฉล้มจำเลยผิดตามมาตรา 301-65 ฯลฯ ปล่อยนายสวัสดิ์ไป นอกจากนี้คงยืน