แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
มารดามอบอำนาจให้บุตรไปทำสัญญาจำนองที่ดินและโรงเรือนไว้กับเขาต่อมาได้มีการผ่อนชำระและบุตรได้ทำสัญญารับรองหนี้ที่ค้างให้ไว้ส่วนสัญญาจำนองขอรับคืนไปเช่นนี้ ย่อมเป็นที่เห็นได้ว่า การที่บุตรทำสัญญารับรองหนี้ที่ค้างให้เขาไว้ก็เป็นการทำแทนมารดาตามหนังสือมอบอำนาจนั้นเองฉะนั้นมารดาจึงต้องรับผิดใช้หนี้ที่ค้างนั้นแก่เขา
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยไถ่จำนองและชำระเงินที่ค้าง 3,600 บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ย ฯลฯ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินที่ค้าง3,600 บาทกับดอกเบี้ยที่ค้าง 100 ละ 15 ฯลฯ ยกฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 2
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยที่ 1 ใช้เงิน 3,600 บาท แต่แก้ไขให้จำเลยเสียดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7 1/2 ฯลฯ ความอื่นนอกจากนี้ยืน
จำเลยที่ 1 ฎีกาต่อมา
ศาลฎีกาปรึกษาเห็นว่า เรื่องนี้เดิมจำเลยที่ 1 ได้มอบอำนาจให้จำเลยที่ 2 ทำสัญญาจำนองที่ดินและโรงเรือนไว้กับโจทก์เป็นเงิน 10,000 บาท ต่อมาได้มีการผ่อนชำระ 6,400 บาท ครั้นวันที่ 4 พฤศจิกายน 2491 จำเลยที่ 2 ได้ทำสัญญารับรองหนี้ค้างให้ไว้ส่วนสัญญาจำนองขอรับคืนไป เช่นนี้ย่อมเป็นที่เห็นได้ว่าการที่จำเลยที่ 2 ทำสัญญารับรองฉบับลงวันที่ 4 พฤศจิกายน ให้โจทก์ไว้ก็เป็นการทำแทนจำเลยที่ 1 ตามหนังสือมอบอำนาจนั้นเอง ฉะนั้นจำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดใช้หนี้ที่ค้างอยู่ดังคำวินิจฉัยศาลล่างทั้ง 2 ฎีกา จำเลยฟังไม่ขึ้น
จึงพิพากษายืน