คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 568/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การฟ้องขอให้ลงโทษผู้ใด ต้องเป็นกรณีที่ผู้นั้นได้กระทำผิดมาแล้วก่อนวันเวลาที่โจทก์ยื่นฟ้อง การที่โจทก์ยื่นฟ้องวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2536 โดยบรรยายฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2536 ซึ่งเป็นการกล่าวหาว่าจำเลยกระทำผิดภายหลังวันที่โจทก์ยื่นฟ้อง แม้จำเลยจะมิได้ยกความข้อนี้ขึ้นต่อสู้ศาลก็ยกขึ้นพิจารณาวินิจฉัยได้อีกทั้งการที่จำเลยรับสารภาพ ก็เป็นการรับสารภาพตามฟ้องที่ไม่เป็นความผิด จึงพิพากษาลงโทษจำเลยไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2536เวลากลางวัน จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันเข้าไปในบริเวณสวนสัก รัฐบาลแปลงปี 2512 ในท้องที่ตำบลบ้านด่านนาขาม หมู่ที่ 4อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นป่าส่วนหนึ่งของป่าห้วยเกียงพาและป่าน้ำไคร้อันเป็นป่าสงวนแห่งชาติ แล้วร่วมกันทำไม้โดยการตัดฟัน เลื่อยต้นสัก จำนวนหลายต้น แล้วตัดเป็นท่อนและเลื่อยเป็นแผ่นและเหลี่ยมได้จำนวน 2 ท่อน และจำนวน 2 แผ่น/เหลี่ยมรวมปริมาตร 0.23 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. และเป็นต้นไม้ที่ขึ้นอยู่ต้นน้ำลำธาร ในเขตป่าสงวนแห่งชาติดังกล่าว โดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันมีไม้สักท่อนจำนวน 2 ท่อนปริมาตร 0.18 ลูกบาศก์เมตร มิได้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย กับร่วมกันแปรรูปไม้สักโดยเลื่อยเป็นแผ่นและเหลี่ยมได้ไม้สักแปรรูปจำนวน 2 แผ่น/เหลี่ยม ปริมาตร 0.05 ลูกบาศก์เมตรอันเป็นการทำให้ไม้เปลี่ยนรูปและขนาดไปจากเดิม และร่วมกันมีไม้สักแปรรูปดังกล่าวไว้ในครอบครองภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติพ.ศ. 2507 มาตรา 4, 6, 8, 9, 14, 31, 35 พระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ. 2484 มาตรา 7, 11, 48, 69, 73, 74, 74 ทวิ,74 จัตวา ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91 ริบของกลางและจ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับตามกฎหมาย
จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามฟ้องให้ลงโทษจำคุกคนละ 4 ปี จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกคนละ 2 ปี ของกลางริบส่วนคำขอให้จ่ายเงินสินบนนำจับให้ยกเนื่องจากศาลมิได้ลงโทษปรับ
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานเบา และรอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่จะลงโทษจำเลยในคดีที่จำเลยรับสารภาพนั้นต้องอาศัยคำฟ้อง และการจะฟ้องขอให้ลงโทษผู้ใดตามกฎหมายต้องเป็นเรื่องที่ผู้นั้นได้กระทำผิดมาแล้วก่อนวันเวลาที่โจทก์ฟ้อง จะฟ้องล่วงหน้าว่าจำเลยกระทำผิดหาได้ไม่ แม้จำเลยจะรับสารภาพก็เป็นการรับสารภาพตามฟ้องที่ไม่เป็นความผิดคดีนี้ปรากฎว่าโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2536กล่าวหาว่าจำเลยกระทำความผิดในวันที่ 28 ธันวาคม 2536 ซึ่งเป็นการกล่าวหาว่าจำเลยกระทำผิดภายหลังวันที่โจทก์ฟ้อง แม้จำเลยจะมิได้ยกความข้อนี้ขึ้นต่อสู้ศาลก็ยกขึ้นพิจารณาวินิจฉัยได้
พิพากษายืน

Share