แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ทั้งสิบห้าอุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งว่าอุทธรณ์ข้อ 2.1 ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานมาตรา 31 อุทธรณ์ขอ 2.2 เป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงต้องห้ามตามมาตรา 54 และอุทธรณ์ข้อ 2.3 ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย จึงไม่รับอุทธรณ์
โจทก์ทั้งสิบห้าเห็นว่า อุทธรณ์ข้อ 2.2 ที่ว่า การที่จำเลยไม่ส่งต้นฉบับเอกสารที่อยู่ในความครอบครองของจำเลยมาประกอบการสืบพยานโจทก์ตามที่โจทก์กล่าวอ้าง ถือว่าจำเลยยอมรับตามโจทก์กล่าวอ้าง และข้อ 2.3 ที่ว่า ศาลแรงงานกลางมิได้วินิจฉัยเรื่องดอกเบี้ยในส่วนที่จำเลยค้างค่าจ้างทำงานล่วงเวลา เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เป็นสาระสำคัญแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย โปรดมีคำสั่งรับอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสิบห้าไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ จำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 59)
คดีทั้งสิบห้าสำนวนนี้ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งให้รวมการพิจารณาและพิพากษาเข้าด้วยกัน โดยให้เรียกโจทก์ตามลำดับสำนวนว่าโจทก์ที่ 1 ถึงโจทก์ที่ 15
โจทก์ทั้งสิบห้าฟ้องขอให้จำเลยจ่ายค่าล่วงเวลาพร้อมดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ทั้งสิบห้า
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งสิบห้าอุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งดังกล่าว(อันดับ 56)
โจทก์ทั้งสิบห้าจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 57)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ศาลแรงงานกลางฟังว่า พยานหลักฐานของโจทก์ทั้งสิบห้าที่นำสืบฟังไม่ได้ว่าโจทก์ทั้งสิบห้าทำงานล่วงเวลาโจทก์ทั้งสิบห้าอุทธรณ์ว่า พยานหลักฐานการทำงานล่วงเวลาอยู่ที่จำเลย จำเลยไม่ส่งหลักฐานดังกล่าวตามหมายเรียกต้องฟังว่าโจทก์ทั้งสิบห้าทำงานล่วงเวลา เป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ส่วนที่โจทก์ทั้งสิบห้าอุทธรณ์เรื่องดอกเบี้ยที่จำเลยค้างจ่ายค่าทำงานล่วงเวลานั้น เป็นอุทธรณ์ที่เกี่ยวเนื่องมาจากอุทธรณ์ที่กล่าวมาข้างต้น จึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงเช่นกัน อุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสิบห้าจึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54ศาลแรงงานกลางสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสิบห้าชอบแล้วให้ยกคำร้อง