แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้เสียหายได้ยินเสียงคนงัดประตูใต้ถุนบ้านจึงเปิดไฟฟ้าใต้ถุนบ้านแล้วมองดูทางช่องพื้นบ้าน เห็นจำเลยกับพวกถือปืนคนละกระบอกยืนอยู่แล้วไฟฟ้าดับลงโดยได้ยินเสียงตูม เข้าใจว่าคนร้ายตีหลอดไฟแตก ผู้เสียหายกลัวจึงกระโดดบ้านหนี ดังนี้ จำเลยกับพวกยังไม่ได้เข้ามาถึงตัวผู้เสียหายและยังไม่เห็นตัวผู้เสียหาย ยังไม่ได้ขู่เข็ญจะประทุษร้ายผู้เสียหายด้วยประการใดๆเลย แม้จะมีปืนมาด้วยก็ยังไม่ได้แสดงปืนนั้นให้ผู้เสียหายเห็น เป็นเรื่องผู้เสียหายแอบเห็นเอง การตีหลอดไฟฟ้าแตกก็คงประสงค์จะให้ไฟฟ้าดับไม่ให้ใครเห็นและจำได้เท่านั้น จะถือว่าเป็นการขู่เข็ญจะประทุษร้ายก็ยังไม่ได้ ตอนที่พวกของจำเลยขึ้นไปเอาทรัพย์บนบ้านผู้เสียหายก็ไม่ได้ถือปืนหรือขู่เข็ญจะทำร้ายใคร การกระทำของจำเลยกับพวกจึงเป็นความผิดฐานลักทรัพย์เท่านั้น มิใช่ความผิดฐานปล้นทรัพย์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกอีก ๒ คนร่วมกันมีอาวุธปืนไปปล้นเครื่องเล่นเทป๑ เครื่อง ของผู้เสียหายไปโดยใช้อาวุธปืนขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะยิงประทุษร้ายผู้เสียหายเพื่อสะดวกแก่การลักทรัพย์หรือพาทรัพย์ไป ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓, ๓๔๐, ๓๔๐ ตรี ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๑ ลงวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๑๔ ข้อ ๑๔, ๑๕
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๔๐, ๓๔๐ ตรี, ๘๓ ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๑ ลงวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน๒๕๑๔ ข้อ ๑๔, ๑๕ จำคุก ๑๘ ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๗๘ จำคุก ๑๒ ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยร่วมกับพวกอีกอย่างน้อย ๒ คน เป็นคนร้ายในคดีนี้จริง และวินิจฉัยว่า ตามข้อนำสืบของโจทก์ไม่ปรากฏว่าจำเลยกับพวกได้ใช้ปืนขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะยิงประทุษร้ายผู้เสียหายเลย พยานโจทก์มีแต่ผู้เสียหายเบิกความว่า ได้ยินเสียงงัดประตูใต้ถุนบ้านจึงเปิดไฟฟ้าใต้ถุนบ้านแล้วมองดูทางช่องพื้นบ้านเห็นจำเลยกับพวกถือปืนคนละกระบอกยืนอยู่ แล้วไฟฟ้าดับลงโดยได้ยินเสียงตูมเข้าใจว่าคนร้ายตีหลอดไฟแตก ผู้เสียหายกลัวจึงกระโดดบ้านหนีพยานหลักฐานโจทก์มีเพียงเท่านี้ ซึ่งเป็นเรื่องจำเลยกับพวกยังไม่ได้เข้ามาถึงตัวผู้เสียหายและยังไม่เห็นตัวผู้เสียหายด้วยซ้ำ จำเลยกับพวกยังไม่ได้ขู่เข็ญจะประทุษร้ายผู้เสียหายด้วยประการใด ๆ เลย แม้จะมีปืนมาด้วยก็ยังไม่ได้แสดงปืนนั้นให้ผู้เสียหายเห็น เป็นเรื่องผู้เสียหายแอบเห็นเองโดยจำเลยกับพวกหารู้ไม่ การตีหลอดไฟฟ้าแตกก็คงประสงค์จะให้ไฟฟ้าดับไม่ให้ใครเห็นและจำจำเลยกับพวกได้เท่านั้น จะถือว่าเป็นการขู่เข็ญจะประทุษร้ายก็ยังไม่ได้ ตอนที่พวกของจำเลยขึ้นไปเอาวิทยุเทปบนบ้านผู้เสียหายก็ไม่ได้ถือปืนหรือขู่เข็ญจะทำร้ายใคร การลักทรัพย์ของจำเลยกับพวกจึงไม่มีการใช้อาวุธปืนขู่เข็ญว่าในทันใดจะยิงผู้เสียหายดังที่โจทก์ฟ้อง การกระทำของจำเลยกับพวกคงเป็นความผิดฐานลักทรัพย์โดยมีอาวุธปืนตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๓๕ และมาตรา ๓๓๖ ทวิ เท่านั้น
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๓๕(๑),(๗) ประกอบด้วยมาตรา ๓๓๖ ทวิ วางโทษจำคุก ๖ ปี ลดโทษหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุก ๔ ปี