คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5633/2534

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ในคดีที่จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ จำเลยมีสิทธิอ้างตนเองเบิกความเป็นพยานได้โดยไม่จำต้องยื่นบัญชีระบุพยานตาม ป.วิ.พ.มาตรา 88 เพราะเป็นการสืบพยานตามที่กฎหมายบัญญัติอนุญาตให้จำเลยซึ่งขาดนัดยื่นคำให้การมาศาลสาบานตนให้การเป็นพยานเองได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกู้ยืมเงิน ขอให้จำเลยชำระเงิน 30,800 บาท
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานจำเลย
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยใช้เงินจำนวน 22,000 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “จำเลยฎีกาว่าการยื่นบัญชีระบุพยานต่อศาลก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าสามวันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 88 นั้น เป็นบทบัญญัติที่ใช้บังคับในกรณีดำเนินคดีตามปกติธรรมดา สำหรับกรณีที่จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การเช่นคดีนี้จะต้องใช้วิธีพิจารณาว่าด้วยการขาดนัด ซึ่งเป็นบทกฎหมายพิเศษว่าจำเลยอาจสาบานตนให้การเป็นพยานเองได้ และถามค้านพยานโจทก์ได้ โดยไม่จำต้องยื่นบัญชีระบุพยานก่อนนั้น เห็นว่า จำเลยมีสิทธิอ้างตนเองเบิกความเป็นพยานแม้จำเลยจะขาดนัดยื่นคำให้การ จำเลยหาอาจจำต้องยื่นบัญชีระบุพยานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 88 แต่อย่างใดไม่เพราะเป็นการสืบพยานตามที่กฎหมายบัญญัติอนุญาตให้จำเลยซึ่งขาดนัดยื่นคำให้การมาศาลสาบานตนให้การเป็นพยานเองได้ คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยอ้างตนเองเข้าเบิกความแม้จะไม่ใช่การเบิกความในวันที่จำเลยมาศาลในวันเริ่มต้นสืบพยาน แต่ศาลก็อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีไปได้ คำสั่งศาลชั้นต้นที่อ้างว่าจำเลยไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้จำเลยไม่มีสิทธินำพยานเข้าสืบ จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบต้องยอมให้จำเลยอ้างตนเองเข้าเบิกความเป็นพยานตามความประสงค์ของจำเลยก่อน แล้วจึงจะพิพากษาไปตามรูปความ ที่ศาลล่างทั้งสองไม่ยอมให้จำเลยอ้างตนเองเข้าเบิกความและพิพากษาให้จำเลยแพ้คดีมานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นด้วย…”
พิพากษากลับ ให้ยกคำพิพากษาศาลล่างทั้งสองและยกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นยอมให้จำเลยอ้างตนเองเข้าเบิกความเป็นพยาน แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี.

Share