แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีพอวินิจฉัยได้แล้ว จึงงดสืบพยานแล้วพิพากษาคดีไปโดยข้อกฎหมายนั้น เป็นการที่ศาลวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในข้อกฎหมายซึ่งทำให้คดีเสร็จไป ทั้งเรื่องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 24 ไม่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 227 ดังนั้นแม้จำเลยจะมิได้โต้แย้งคำสั่งไว้ จำเลยก็มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งได้ จำเลยยื่นอุทธรณ์และฎีกาขอให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลล่างพิจารณาใหม่มิได้ขอให้ตนเป็นฝ่ายชนะคดี เป็นคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ตามบัญชีท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งตาราง 1 ข้อ 2(ข) ต้องเสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์และฎีกาศาลละ200 บาท จำเลยเสียค่าขึ้นศาลทั้งสองศาลมาอย่างคดีมีทุนทรัพย์จึงให้คืนส่วนที่เกินแก่จำเลย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้ตามเช็คพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่มีนิติสัมพันธ์อันใดที่จะต้องชำระหนี้แก่โจทก์ โจทก์ดำเนินการเกี่ยวกับเช็คตามฟ้องด้วยตนเอง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นเห็นว่า คดีพอวินิจฉัยได้ มีคำสั่งงดสืบพยานแล้ววินิจฉัยว่า คำให้การของจำเลยไม่แจ้งชัด ไม่มีประเด็นนำสืบจำเลยต้องรับผิดตามฟ้อง แล้วพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ตามฟ้องแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 เห็นว่า คำสั่งงดสืบพยานของศาลชั้นต้นเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา จำเลยไม่ได้โต้แย้งคำสั่ง จึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาตามฎีกาของจำเลยว่า การที่จำเลยไม่ได้โต้แย้งคำสั่งงดสืบพยานของศาลชั้นต้นเป็นเหตุให้จำเลยไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวหรือไม่ เห็นว่า เมื่อศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานแล้วก็พิพากษาให้โจทก์ชนะคดีไปโดยข้อกฎหมาย มิได้วินิจฉัยพยานหลักฐานโดยอาศัยข้อเท็จจริงแต่ประการใด เป็นการวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในข้อกฎหมายอันทำให้คดีเสร็จไปทั้งเรื่อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 24 เมื่อเป็นการวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในข้อกฎหมายดังกล่าว จึงไม่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 227 ดังนั้น แม้จำเลยไม่ได้โต้แย้งคำสั่งที่ให้งดสืบพยานไว้ จำเลยก็มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลย ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย อนึ่ง จำเลยเพียงแต่ขอให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 หรือศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ มิได้ขอให้ตนเป็นฝ่ายชนะคดี จึงเป็นคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ซึ่งต้องเสียค่าขึ้นศาลในชั้นอุทธรณ์และฎีกาเพียงศาลละ 200 บาท รวมสองศาลเป็นเงิน 400 บาท ตามบัญชีท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ตาราง 1 ข้อ 2 (ข) แต่จำเลยเสียค่าขึ้นศาลทั้งสองศาลอย่างคดีมีทุนทรัพย์ศาลละ 2,945 บาทรวมสองศาลเป็นเงิน 5,890 บาท จำเลยเสียเกินมา 5,490 บาทจึงควรคืนให้แก่จำเลย
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ให้ศาลอุทธรณ์ภาค 1พิจารณาพิพากษาใหม่ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์และฎีกาในชั้นนี้ให้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 รวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่ คืนค่าขึ้นศาล5,490 บาท แก่จำเลย