คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1211/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ ๓ มีกำหนด ๑ เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำคุกจำเลยที่ ๓ มีกำหนด ๑ เดือน และปรับ ๒,๐๐๐ บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด ๒ ปี เป็นการแก้ไขมาก แต่ที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษปรับ ๒,๐๐๐ บาท และ รอการลงโทษจำคุกไว้นั้น ไม่เป็นการเพิ่มเติมโทษ จึงต้องห้ามฎีกา ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๙

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามร่วมกันโฆษณาข้อความอันเป็นเท็จ หมิ่นประมาทโจทก์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๖, ๓๒๘, ๘๓, ๙๐
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูลเฉพาะจำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ให้ประทับฟ้อง จำเลยอื่นให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา โจทก์ขอถอนฟ้องจำเลยที่ ๒ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ ๓ มีความผิดฐานหมิ่นประมาทตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๘ ลงโทษจำคุก ๑ เดือน
โจทก์และจำเลยที่ ๓ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุกจำเลยที่ ๓ มีกำหนด ๑ เดือน และปรับ ๒,๐๐๐ บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๖ มีกำหนด ๒ ปี
จำเลยที่ ๓ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย ที่ ๓ มีกำหนด ๑ เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุก จำเลยที่ ๓ มีกำหนด ๑ เดือน และปรับ ๒,๐๐๐ บาท โทษจำคุกให้รอการ ลงโทษไว้มีกำหนด ๒ ปี เป็นการแก้ไขมาก แต่ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษา ให้ลงโทษปรับจำเลยที่ ๓ อีกสถานหนึ่งและรอการลงโทษจำคุกนั้น มิใช่เป็นการเพิ่มเติมโทษ คดีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๙
พิพากษายกฎีกาจำเลยที่ ๓

Share