แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้คดีจะต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง แต่เมื่อผู้พิพากษาที่ลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นเห็นว่า ข้อความที่ตัดสินเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุด และอนุญาตให้ฎีกา ก็ต้องรับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 221
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 และนับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 671/2533
จำเลยให้การรับสารภาพและรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
นายสุวิทย์ ซ่านมา ผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 รวม 2 กระทงเรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 กระทงแรกจำคุก1 เดือน กระทงหลังจำคุก 4 เดือน รวมจำคุก 5 เดือน ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 เดือน 15 วัน ให้นับโทษต่อจากโทษจำคุกในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 671/2533 ของศาลชั้นต้น
จำเลยอุทธรณ์ขอให้รอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ขอให้รอการลงโทษโดยผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้แม้จะต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง แต่เมื่อผู้พิพากษาที่ลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นเห็นว่าข้อความที่ตัดสินเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุดและอนุญาตให้ฎีกา ก็ต้องรับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221 ที่โจทก์ร่วมโต้แย้งในคำแก้ฎีกาให้ยกฎีกาของจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218จึงฟังไม่ขึ้น ฯลฯ
พิพากษาแก้เป็นว่า กระทงแรก จำคุกมีกำหนด 1 เดือน และปรับ1,000 บาท กระทงหลังจำคุกมีกำหนด 4 เดือน และปรับ 4,000 บาทรวมโทษจำคุก 5 เดือน และปรับ 5,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 เดือน 15 วัน และปรับ 2,500 บาทโทษจำคุกให้รอไว้มีกำหนด 2 ปี ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ที่ขอให้นับโทษต่อให้ยก นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2