คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 544/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยได้ซื้อที่ดินในระหว่างล้มละลาย จึงเป็นทรัพย์ที่จะต้องนำเข้ากองทรัพย์สินของจำเลยตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 109(2) พระราชบัญญัติล้มละลาย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2511 มาตรา 7ทั้งนี้ ไม่ว่าโจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้จะได้ทราบว่าจำเลยเป็นบุคคลล้มละลายหรือไม่ โจทก์จะอ้างถึงความสุจริตของโจทก์บังคับชำระหนี้เอาจากที่ดินนั้นหาได้ไม่

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลย จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความ คดีถึงที่สุดแล้ว จำเลยไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์ขอหมายบังคับคดียึดที่ดินของจำเลยออกขายทอดตลาด ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องว่าโจทก์ไปขอรับเงินจากกองยึดทรัพย์ฯ ปรากฏว่ากองบังคับคดีล้มละลายได้ขอโอนทรัพย์ที่ยึดไปกองบังคับคดีล้มละลายเพราะจำเลยถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในคดีล้มละลายหมายเลขแดงที่ 109/2517 โจทก์จึงรับเงินไม่ได้ ต่อมาวันที่1 เมษายน 2518 ศาลแพ่งพิพากษายกฟ้องคดีนั้นเสียโจทก์จึงมีสิทธิรับเงินค่าขายทอดตลาดได้ จึงไปขอรับเงินจากกองยึดทรัพย์ฯ แต่รับเงินไม่ได้อีกเพราะกองบังคับคดีล้มละลายแจ้งกองยึดทรัพย์ฯ ว่าจำเลยเป็นบุคคลล้มละลายอยู่อีกคดีหนึ่ง คือคดีแดงที่ 77/2504 ซึ่งยังปิดคดีอยู่ ให้โอนเงินเข้ากองทรัพย์สินของผู้ล้มละลาย โจทก์เห็นว่าเจ้าพนักพิทักษ์ทรัพย์แจ้งขอโอนเงินไปเมื่อวันที่15 พฤษภาคม 2518 ภายหลังระยะเวลาขอรับเงินตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 ประกอบมาตรา 110 แห่งกฎหมายล้มละลายและตามพระราชบัญญัติล้มละลายแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2511 มาตรา 111คือพ้น 14 วัน นับแต่วันขายทรัพย์ คำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงเป็นอันไร้ผล ขอให้ศาลมีคำสั่งให้กองยึดทรัพย์ฯ จ่ายเงินค่าขายทอดตลาดใช้หนี้โจทก์ตามคำพิพากษา

เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์คัดค้านว่าเนื่องจากจำเลยเป็นบุคคลล้มละลายอยู่แล้วตามคดีของศาลแพ่งหมายเลขแดงที่ 77/2504 เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงได้ขอให้ศาลสั่งจำหน่ายคดีล้มละลายหมายเลขแดงที่ 109/2517 เสียสำหรับคดีล้มละลายหมายเลขแดงที่ 77/2504 ศาลได้สั่งปิดคดีเมื่อวันที่ 23กันยายน 2508 คดียังไม่สิ้นสุด ต่อมาวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2518 เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้รายงานขอให้ศาลเปิดคดีแล้ว เมื่อจำเลยเป็นบุคคลล้มละลายอยู่แล้วแล้วเช่นนี้ เงินค่าขายทรัพย์จึงต้องนำเข้ากองทรัพย์สินของจำเลยในคดีล้มละลายหมายเลขแดงที่ 77/2504 กรณีไม่ต้องด้วยมาตรา 111 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยยังเป็นบุคคลล้มละลายตามคดีแดงที่ 77/2504การบังคับคดีของโจทก์ได้สำเร็จบริบูรณ์ลงภายหลังวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ในคดีแดงที่ 77/2504 คดีไม่ต้องด้วยมาตรา 110 วรรคแรก แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 กองยึดทรัพย์ฯ งดจ่ายเงินให้โจทก์แล้วส่งเงินค่าขายทรัพย์เข้ากองทรัพย์สินของผู้ล้มละลายเป็นการชอบแล้วให้ยกคำร้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว โจทก์ฎีกาว่ามื่อศาลพิพากษายกฟ้องคดีล้มละลายหมายเลขแดงที่ 109/2517 เสียแล้ว จึงเป็นอันว่าในตอนนั้นไม่มีคดีใดเข้ามาเกี่ยวข้องข้อนี้เห็นว่าการที่จำเลยถูกฟ้องคดีล้มละลายซ้อนขึ้นมาอีกคดีหนึ่งไม่ทำให้ฐานะของจำเลยผู้เป็นบุคคลล้มละลายอยู่แล้วตามคดีล้มละลายคดีแรกต้องเปลี่ยนแปลงไป ดังนั้น แม้ภายหลังศาลจะได้พิพากษายกฟ้องคดีหลังเสียก็หาใช่ว่าจำเลยจะหลุดพ้นจากฐานะบุคคลล้มละลายในคดีแรกไม่ ที่โจทก์ฎีกาว่าที่ดินถูกขายทอดตลาดในคดีนี้ จำเลยได้มาก่อนถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในคดีล้มละลายคดีแรกนั้น ข้อเท็จจริงปรากฏตามสำเนาโฉนดที่ดินที่ 30025ว่าจำเลยได้ซื้อที่ดินแปลงนี้เมื่อ พ.ศ. 2514 ในระหว่างล้มละลาย จึงเป็นทรัพย์ที่จะต้องนำเข้ากองทรัพย์สินของจำเลย ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 109(2) พระราชบัญญัติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2511 มาตรา 7ทั้งนี้ ไม่ว่าโจทก์จะได้ทราบว่าจำเลยเป็นบุคคลล้มละลายหรือไม่ ที่โจทก์อ้างถึงความสุจริตของโจทก์จึงฟังไม่ขึ้น ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยชอบแล้ว

พิพากษายืน

Share