คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 521/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้โจทก์ได้โต้แย้งการประเมินอากรในการตีราคาสินค้าเพิ่มไว้ที่หลังใบขนสินค้าขาเข้าแล้ว แต่ถือไม่ได้ว่าเป็นการอุทธรณ์การประเมินภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 30 โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกเงินภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลคืนจากจำเลย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์สั่งซื้อและนำเข้าซี่ลวดรถจักรยานจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อนำไปผลิตเป็นวงล้อรถจักรยานจำนวน4,140 กร็อสราคา 10,764 เหรียญสหรัฐอเมริกา โจทก์ได้ยื่นรายการเสียภาษีอากรต่อจำเลยโดยคิดราคาสินค้าเป็นเงินไทย 247,302.90 บาทเป็นค่าภาษีอากรที่ต้องเสีย 117,031.31 บาท แต่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยตรวจแล้วให้โจทก์เพิ่มราคาสินค้าเป็น 500,578.47 บาททั้งได้กำหนดกำไรมาตรฐานสินค้าของโจทก์เป็นร้อยละ 26 ทำให้โจทก์ต้องเสียค่าภาษีอากรเป็นเงิน 246,578.01 บาท โจทก์ได้ชำระค่าภาษีอากรตามที่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยสั่ง โดยสงวนสิทธิที่จะอุทธรณ์เรียกเงินที่ชำระเกินคืน และขอรับสินค้าซี่ลวดรถจักรยานจากพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลย แต่พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยไม่ยอมตรวจปล่อยสินค้าให้แก่โจทก์ เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ขอให้พิพากษาว่า การประเมินราคาสินค้าเพิ่มและการคำนวณภาษีอากรเพิ่มไม่ชอบ ให้ยกเลิกการประเมินราคาสินค้าและการคำนวณภาษีอากรเพิ่มให้จำเลยคืนเงินที่เกิดจากการประเมินราคาไม่ชอบจำนวน 129,540.70 บาทแก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ย และให้ใช้ค่าเสียหายเป็นเงินจำนวน 100,000บาท พร้อมดอกเบี้ย และให้ตรวจปล่อยสินค้าให้แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยได้ทำการประเมินราคาสินค้า อากรขาเข้า ภาษีการค้า และภาษีบำรุงเทศบาล เรียกเก็บจากโจทก์ถูกต้องตามกฎหมายและตามความเป็นจริง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า โจทก์ต้องเสียค่าภาษีอากรสำหรับซี่ลวดและหัวซี่ลวดรถจักรยานยนต์พิพาทที่นำเข้า โดยคำนวณจากราคา419,174.28 บาท เมื่อได้จำนวนค่าภาษีอากรแล้วให้นำไปหักออกจากค่าภาษีอากรที่โจทก์ชำระไว้ 246,578.01 บาท และให้จำเลยคืนส่วนที่เกินให้แก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่21 มีนาคม 2529 อันเป็นวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าสินค้าที่โจทก์นำเข้ามาเป็นซี่ลวดและหัวซี่ลวดรถจักรยานยนต์ จำเลยจึงประเมินภาษีอากรใหม่ให้ถูกต้องได้ การที่โจทก์คัดค้านโดยขอสงวนสิทธิโต้แย้งราคาและอัตรากำไร แสดงว่าโจทก์ยังยืนยันว่าสินค้าที่นำเข้าเป็นซี่ลวดและหัวซี่ลวดรถจักรยาน อันเป็นมูลเหตุให้สามารถดำเนินคดีอาญาแก่โจทก์ในฐานสำแดงเท็จซึ่งสินค้าพิพาทเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 27, 99 ได้จำเลยย่อมมีอำนาจกักยึดสินค้าพิพาทไว้จนกว่าคดีอาญาจะถึงที่สุดการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยต่อไปว่า จำเลยประเมินภาษีอากรชอบหรือไม่
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยไม่ได้คำนวณราคาของตามราคาอันแท้จริงในท้องตลาดในเวลาที่โจทก์นำของเข้าสำเร็จตามพระราชบัญญัติศุลกากรพ.ศ. 2469 มาตรา 2, 10 ทวิ ผลการประเมินภาษีอากรจึงไม่ชอบ และวินิจฉัยต่อไปว่า ราคาซี่ลวดและหัวซี่ลวดจำนวน 419,174.28 บาทตามเอกสารหมาย ล.24 และ ล.25 เป็นราคาที่มีการซื้อขายกันจริงเกิดขึ้นในเวลาที่นำของเข้าสำเร็จ จึงเป็นราคาของที่นำมาคำนวณอากรขาเข้าได้ การที่จำเลยประเมินราคาของเพิ่มขึ้นเป็น 500,578.47บาท และคำนวณค่าอากรขาเข้าจากราคาดังกล่าวจึงเป็นการประเมินที่ไม่ชอบ สำหรับภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลนั้น แม้โจทก์ได้โต้แย้งการประเมินอากรในการตีราคาสินค้าเพิ่มไว้ที่หลังใบขนสินค้าขาเข้าเอกสารหมาย จ.12 แล้ว แต่ถือไม่ได้ว่าเป็นการอุทธรณ์การประเมินภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 30 โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกเงินภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลคืนจากจำเลย จำเลยต้องคืนเฉพาะอากรขาเข้าส่วนที่เกินแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ0.625 ต่อเดือน ของจำนวนที่ต้องคืนโดยไม่คิดทบต้น ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 112 จัตวา วรรคสี่ แต่ทั้งนี้ให้นับแต่วันที่ 21 มีนาคม 2529 อันเป็นวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จตามคำขอของโจทก์ซึ่งเป็นคุณแก่จำเลยอยู่แล้ว จึงให้จำเลยรับผิดชำระดอกเบี้ยตามคำขอของโจทก์
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้เพิกถอนการประเมินเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับอากรขาเข้า ให้จำเลยประเมินอากรขาเข้าใหม่โดยใช้ราคาของ419,174.28 บาท เป็นเกณฑ์ในการคำนวณแล้วคืนอากรขาเข้าส่วนที่เกินแก่โจทก์ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share