คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 378/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยออกเช็คแล้วนำมาขายลดแก่โจทก์ ในตอนออกเช็คจึงไม่มีหนี้แก่โจทก์ จำเลยเพิ่งเป็นหนี้โจทก์เมื่อขายลดเช็คกันแล้วการออกเช็คจึงมิใช่เพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่แต่อย่างใด จำเลยจึงไม่มีความผิด.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ให้ลงโทษจำคุก1 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยมีว่า จำเลยมีความผิดตามที่โจทก์ฟ้องหรือไม่ เห็นว่าเดิมพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 ซึ่งใช้บังคับในขณะที่จำเลยออกเช็ค มาตรา 3 บัญญัติว่า ผู้ใด (1) ออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น ฯลฯ ถ้าธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินย่อมมีความผิด ฯลฯ ต่อมาได้มีการยกเลิกพระราชบัญญัติดังกล่าวและมีพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534ออกใช้บังคับแทน ในมาตรา 4 บัญญัติว่า ผู้ใดออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายโดยมีลักษณะหรือการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ (1) เจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น ฯลฯ ย่อมเห็นได้ว่าการออกเช็คที่จะต้องรับผิดทางอาญากฎหมายได้กำหนดองค์ประกอบความผิดเพิ่มขึ้น คือต้องเป็นการออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริง เมื่อฟ้องโจทก์ปรากฏว่าจำเลยออกเช็คแล้วนำมาขายลดแก่โจทก์ ในตอนออกเช็คจึงไม่มีหนี้แก่โจทก์แต่อย่างใด จำเลยเพิ่งเป็นหนี้โจทก์เมื่อได้ขายลดเช็คกันแล้วการออกเช็คจึงมิใช่เพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่แต่อย่างใด การกระทำของจำเลยจึงไม่ผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 คดีไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาข้ออื่นของจำเลยอีกต่อไป”
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง.

Share