แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามฟ้องของโจทก์นี้ (ดูฟ้องโจทก์) แปลได้ว่า เป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานยักยอกเงินค่าจำนำวิทยุ (ไม่ใช่ยักยอกเครื่องวิทยุ) จึงไม่มีมูลคดีอาญา (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 3/2503)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องมีใจความว่า จำเลยได้ตกลงเช่าซื้อวิทยุหนึ่งเครื่องไปจากโจทก์ โดยจำเลยตกลงเช่าซื้อวิทยุหนึ่งเครื่องไปจากโจทก์ โดยจำเลยตกลงชำระค่าเช่าให้โจทก์เป็นรายเดือนทุกเดือนจนกว่าจะครบจำนวนราคาวิทยุที่เช่าซื้อไป เมื่อเช่าซื้อไปแล้ว จำเลยได้ชำระค่าเช่าให้โจทก์เพียงสองคราว และมิได้ชำระให้โจทก์อีกเลย ต่อมาจำเลยได้มีเจตนาทุจริตยังอาจเอาวิทยุของโจทก์ที่จำเลยครอบครองอยู่ในฐานะผู้เช่าซื้อไปจำนำไว้กับผู้มีชื่อ และโดยเจตนาทุจริตของจำเลย ๆ ได้เบียดบังเอาเงินค่าจำนำวิทยุนี้เป็นของจำเลยหรือบุคคลที่ ๓ เสีย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๒
ศาลชั้นต้นเห็นว่า มูลกรณีแห่งคดีนี้เป็นเรื่องที่จำเลยทำผิดสัญญาทางแพ่งโดยแท้ เพียงแต่เหตุที่จำเลยทำผิดสัญญาเช่าซื้อโดยไม่ชำระค่าเช่าซื้อให้โจทก์ ตามสัญญาแล้วจำเลยเอาวิทยุไปจำนำกับบุคคลที่ ๓ เอาเงินใช้เสียเองนั้น จะถือว่าเป็นกริยาบังอาจและมีทุจริตหาได้ไม่ เพราะการจำนำนั้นก็เพียงแต่จำเลยส่งมอบทรัพย์ให้ผู้รับจำนำยึดถือเพื่อเป็นประกันการชำระหนี้เท่านั้น เห็นว่าการกระทำของจำเลยดังที่โจทก์บรรยายมา ไม่มีมูลแห่งความผิดทางอาญา จึงให้ยกคำฟ้องของโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า ฟ้องของโจทก์เป็นเรื่องฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานยักยอกเงินค่าจำนำวิทยุ หาใช่เป็นฟ้องหาว่ายักยอกเครื่องวิทยุไป แม้จะถือว่าวิทยุยังเป็นของโจทก์ ซึ่งถ้าหากมีกรณีจะต้องคืนวิทยุและจำเลยคืนไม่ได้ จำเลยอาจต้องใช้เงินให้โจทก์ก็ดี แต่ก็เป็นการบังคับตัวจำเลยให้เอาเงินมาใช้แทนทรัพย์ ส่วนตัวเงินที่จำเลยเอาเครื่องวิทยุไปจำนำมาได้ ไม่ใช่เป็นเงินของโจทก์ หรือที่โจทก์จะบังคับเอากับเงินนั้นได้โดยตรง แม้จำเลยจะเอาเงินนี้ไป ไม่นำมาให้โจทก์ โจทก์ก็จะว่าจำเลยยักยอกเงินนี้ไม่ได้ ฟ้องของโจทก์จึงไม่มีมูลคดีอาญา ดังที่ศาลล่างทั้งสอง วินิจฉัยมาชอบแล้ว
พิพากษายืน ยกฎีกาของโจทก์