คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 52/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้เป็นเจ้าของทรัพย์สินที่ถูกริบจะต้องมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด ศาลจึงจะสั่งคืนทรัพย์สินที่ถูกริบให้แก่เจ้าของได้ ผู้ร้องบรรยายคำร้องขอคืนของกลางว่าจำเลยนำรถยนต์ของกลางของผู้ร้องไปใช้โดยผู้ร้องมิได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด มีความหมายต่างจากการที่ผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด คำร้องของผู้ร้องจึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 ศาลมีอำนาจยกคำร้องโดยไม่ต้องไต่สวน

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดต่อศาลพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษและริบรถยนต์ของกลาง
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า รถยนต์ของกลางเป็นของผู้ร้องแต่ผู้เดียว จำเลยนำรถยนต์ไปใช้โดยผู้ร้องมิได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด ขอให้คืนรถยนต์แก่ผู้ร้อง
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องกับจำเลยเป็นเจ้าของรถยนต์ของกลางร่วมกัน และผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการที่จำเลยกระทำความผิด ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่ารถยนต์ของกลางเป็นสินสมรสของผู้ร้องกับจำเลย เมื่อจำเลยนำรถยนต์ไปใช้ในการกระทำความผิดและศาลสั่งริบ ผู้ร้องจะขอให้ศาลสั่งคืนไม่ได้ ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่ารถยนต์ของกลางเป็นสินสมรส เป็นกรรมสิทธิ์รวมของผู้ร้องกับจำเลย แต่ผู้ร้องมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด พิพากษากลับ ให้คืนส่วนกรรมสิทธิ์รถยนต์ของกลางครึ่งหนึ่งแก่ผู้ร้อง
ผู้ร้องและโจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ผู้ร้องบรรยายคำร้องว่ารถยนต์ของกลางเป็นของผู้ร้องแต่ผู้เดียว จำเลยนำรถยนต์ไปใช้โดยผู้ร้องมิได้มีส่วนร่วมทำความผิดคดีนี้ เห็นว่าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖ ผู้เป็นเจ้าของทรัพย์สินที่ถูกริบตามมาตรา ๓๓ หรือ ๓๔ จะต้องมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด ศาลจึงมีอำนาจสั่งคืนทรัพย์สินที่ถูกริบแก่เจ้าของได้ การที่มิได้มีส่วนร่วมกระทำความผิดกับการที่มิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดมีความหมายต่างกัน เมื่อคำร้องไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖ แล้ว ศาลก็มีอำนาจยกคำร้องไปได้เลยโดยไม่จำเป็นต้องไต่สวน
พิพากษากลับ ให้ยกคำร้อง

Share