แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
บทบัญญัติใน ป.วิ.พ.มาตรา 198 มิได้บังคับให้ศาลจำต้องสั่งจำหน่ายคดีเสมอไป เพียงแต่ให้ศาลมีอำนาจที่จะสั่งจำหน่ายคดีเมื่อพ้น 15 วันได้ ฉะนั้น ในกรณีที่ศาลยังมิได้มีคำสั่งจำหน่ายคดี แม้โจทก์จะยื่นคำขอเมื่อพ้น 15 วัน ศาลก็มีอำนาจที่จะสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การได้ อ้างฎีกาที่ 1464/2495
ข้อกฎหมายที่มิได้ยกขึ้นอ้างมาแต่ศาลชั้นต้น เพิ่งยกขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์ ย่อมต้องห้ามฎีกา ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249
ปัญหาที่ว่าการขาดนัดมิได้เป็นไปโดยจงใจก็ดี ศาลชั้นต้นไม่เลื่อนการพิจารณาไปสืบจำเลยเป็นพยานเป็นการไม่ชอบก็ดี และพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบฝ่ายเดียวยังรับฟังบังคับขับไล่จำเลยไม่ได้ก็ดี เป็นปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อปัญหาเหล่านี้ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 224 ก็ไม่ถือว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์ ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากตึกพิพาท(ค่าเช่าเดือนละ ๒๐๐ บาท) จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ โจทก์ร้องขอให้ศาลสั่งว่าจำเลยขาดนัด และขอให้ดำเนินคดีต่อไป ศาลสั่งตามที่โจทก์ร้องขอ ในวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยยื่นคำร้องว่ามิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การ ขอยื่นคำให้การใหม่ ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วยกคำร้อง เมื่อสืบพยานโจทก์แล้ว ทนายจำเลยขอสืบตัวจำเลยแต่ปรากฏว่าตัวจำเลยกลับไปเสียก่อน ศาลจึงนัดฟังคำพิพากษาก่อนศาลอ่านคำพิพากษา จำเลยยื่นคำร้องว่าโจทก์มิได้ร้องขอให้ศาลสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การภายใน ๑๕ วัน ศาลต้องสั่งจำหน่ายคดีตาม ป.วิ.พ.มาตรา ๑๙๘ วรรค ๒ ขอให้ศาลสั่งเพิกถอนกระบวนพิจารณาและสั่งจำหน่ายคดีของโจทก์ ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องและพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากตึกพิพาท
จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง และอุทธรณ์คำพิพากษา
ศาลอุทธรณ์พิจารณาอุทธรณ์ทั้ง ๒ ฉบับ แล้วพิพากษายืน
จำเลยฎีกาทั้งปัญหาข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าบทบัญญัติใน ป.วิ.พ.มาตรา ๑๙๘ มิได้บังคับให้ศาลจำต้องสั่งจำหน่ายคดีเสมอไป เพียงแต่ให้ศาลมีอำนาจที่จะสั่งจำหน่ายคดีเมื่อพ้น ๑๕ วันได้ ฉะนั้นในกรณีที่ศาลยังมิได้มีคำสั่งจำหน่ายคดี แม้โจทก์จะยื่นคำขอเมื่อพ้น ๑๕ วัน ศาลก็มีอำนาจที่จะสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและให้ดำเนินการพิจารณาคดีโจทก์ได้ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ ๑๔๖๔/๒๔๙๕
ที่จำเลยฎีกาว่าคดีนี้เป็นคดีมโนสาเร่ จำเลยยังมีสิทธิยื่นคำให้การในวันนัดพิจารณาได้นั้น ตามคำร้องของจำเลยที่ขอยื่นคำให้การใหม่มิได้อ้างปัญหาข้อกฎหมายนี้ จำเลยเพิ่งยกปัญหานี้ขึ้นอ้างในชั้นอุทธรณ์ ปัญหาข้อนี้จึงมิใช่เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแต่ศาลชั้นต้น ต้องห้ามฎีกาตาม ป.วิ.พ.มาตรา ๒๔๙
ที่จำเลยฎีกาว่าการขาดนัดมิได้เป็นไปโดยจงใจ ศาลชั้นต้นไม่เลื่อนการพิจารณาไปสืบคำจำเลยเป็นพยานเป็นการไม่ชอบ และพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบฝ่ายเดียวยังรับฟังบังคับขับไล่จำเลยไม่ได้ นั้น เป็นปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ.มาตรา ๒๒๔ จึงไม่เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ.มาตรา ๒๔๙ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
พิพากษายืน