แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันประกอบการค้า โจทก์ย่อมนำสืบพฤติการณ์ต่าง ๆ อันจะแสดงให้เห็นได้ว่าจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันประกอบการค้า เช่นว่า จำเลยที่ 1 ได้แสดงตนเป็นหุ้นส่วนกับจำเลยที่ 2 ด้วยกิริยาดังที่บัญญัติไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1054 ได้ และศาลย่อมยกเหตุนี้ไปประกอบพยานพฤติเหตุอื่น ๆ แล้วชี้ขาดว่าจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันประกอบการค้าได้ ไม่เป็นการวินิจฉัยเกินคำฟ้อง.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ประกอบการค้าผ้าและเศษผ้าต่าง ๆ จำเลยทั้งสองร่วมกันประกอบการค้า และได้ร่วมกันสั่งซื้อผ้าและเศษผ้าต่าง ๆ จากโจทก์ จำเลยรับของไว้แล้วไม่ชำระราคา โจทก์ทวงถามจำเลยก็ขอผัด ไม่มีที่สิ้นสุด จึงขอให้ศาลบังคับให้จำเลยชำระพร้อมทั้งดอกเบี้ย
จำเลยที่ ๑ ให้การว่า ไม่เคยประกอบการค้าร่วมกับจำเลยที่ ๒ ไม่เคยสั่งซื้อผ้าและเศษผ้าจากโจทก์หรือร่วมกับจำเลยที่ ๒ สั่งซื้อ และไม่เคยรับของตามเอกสารท้ายฟ้องจากโจทก์
จำเลยที่ ๒ ขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองเป็นหุ้นส่วนกันประกอบการค้า หรือแม้ว่าจำเลยที่ ๑ จะไม่ได้เป็นหุ้นส่วนกับจำเลยที่ ๒ ก็แสดงตนด้วยกิริยายอมยกเคหะให้จำเลยที่ ๒ ดำเนินการค้า จึงต้องรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกในบรรดาหนี้ของกิจการค้าของจำเลยที่ ๒ เสมือนกับจำเลยที่ ๑ เป็นหุ้นส่วนด้วย ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าผ้าและดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า ไม่เชื่อว่าจำเลยที่ ๑ ได้เข้าหุ้นค้าขายกับจำเลยที่ ๒ ศาลชั้นต้นวินิจฉัยต่อไปถึงความรับผิดของจำเลยที่ ๑ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๐๕๔ เป็นการพิพากษาเกินไปกว่าที่ปรากฏในคำฟ้อง ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกาและถึงกรรม ภริยาได้เข้ารับมรดกความ ศาลอนุญาตแล้ว
ศาลฎีกาเห็นว่า ไม่น่าเชื่อว่าจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันประกอบการค้าดังโจทก์ฟ้อง คดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ ๑ ได้ร่วมกับจำเลยที่ ๒ สั่งซื้อผ้ารายพิพาทจากโจทก์ คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันประกอบการค้า โจทก์ย่อมนำสืบพฤติการณ์ต่าง ๆ อันจะแสดงให้เห็นไปได้ว่าจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันประกอบการค้า เช่นว่า จำเลยที่ ๑ ได้แสดงตนเป็นหุ้นส่วนกับจำเลยที่ ๒ ด้วยกิริยา ดังที่บัญญัติไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๐๕๔ ได้ และศาลย่อมยกเหตุนี้ไปประกอบกับพยานพฤติเหตุอื่น ๆ แล้วชี้ขาดว่าจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันประกอบการค้าได้ ไม่เป็นการวินิจฉัยเกินคำฟ้อง แต่ข้อเท็จจริงในคดีนี้ฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ ๑ ได้แสดงตนเป็นหุ้นส่วนกับจำเลยที่ ๒ ด้วยกิริยา
พิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์.