คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2257/2521

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์มอบที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญของโจทก์ให้จำเลยที่ 1 ครอบครองแทนแม้จำเลยที่ 1 จะไปร้องขอจนได้รับหนังสือรับรองการทำประโยชน์มา ก็ไม่ก่อให้เกิดสิทธิครอบครองในที่ดินนั้น ไม่มีอำนาจนำไปขายให้ผู้อื่น ส.รับซื้อไว้โดยไม่สุจริตเพราะทราบดีว่าไม่ใช่ของจำเลยที่ 1 ส.ย่อมไม่มีสิทธิในที่พิพาท แม้จำเลยที่ 2 จะรับโอนที่พิพาทจาก ส.โดยสุจริต เสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนโดยถูกต้องตามกฎหมาย จำเลยที่ 2 ก็ไม่มีสิทธิอย่างใด เพราะผู้รับโอนย่อมไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน กรณีจะปรับด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299, 1300 ไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์กับนายพวนเป็นเจ้าของที่ดินโดยซื้อมาแล้วมอบให้จำเลยที่ ๑ ครอบครองแทน จำเลยที่ ๑ แจ้งการครอบครองที่ดินแทนโจทก์ แล้วร่วมกับพวกออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ใส่ชื่อจำเลยที่ ๑ กับภรรยาเป็นเจ้าของ แล้วโอนขายให้นายสวิง ต่อมาใส่ชื่อจำเลยที่ ๒ เป็นเจ้าของที่ดิน ขอให้พิพากษาว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินพิพาท ให้เพิกถอนนิติกรรมการซื้อขายระหว่างจำเลยที่ ๑ กับนายสวิงและระหว่างนายสวิงกับจำเลยที่ ๒ และใส่ชื่อโจทก์เป็นเจ้าของในหนังสือรับรองการทำประโยชน์สำหรับที่ดินดังกล่าว
จำเลยทั้งสองให้การว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลย โจทก์และนายพวนไม่เคยมอบให้ครอบครองแทน แม้เดิมจะเป็นของโจทก์จริง จำเลยที่ ๑ ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ จดทะเบียนขายให้นายสวิงโดยไม่สุจริต แต่นายสวิงรับโอนโดยสุจริง ทั้งครอบครองที่พิพาท ๔ – ๕ ปี จึงขายให้จำเลยที่ ๒ ซึ่งซื้อโดยสุจริต เสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนสิทธิแล้ว ทั้งได้ครอบครองโดยความสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของมา ๔ ปีเศษ ย่อมได้สิทธิครอบครอง จำเลยได้รับความคุ้มครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๐๐ คดีโจทก์ขาดอายุความ หมดสิทธิฟ้องร้องตามมาตรา ๑๓๗๕
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
คดีอยู่ในระหว่างอุทธรณ์ จำเลยที่ ๑ ถึงแก่กรรม โจทก์ขอถอนฟ้องอุทธรณ์เฉพาะจำเลยที่ ๑ ศาลอุทธรณ์อนุญาต และให้จำหน่ายคดีเฉพาะตัวจำเลยที่ ๑
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า ที่ดินพิพาทตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เป็นส่วนหนึ่งแห่งที่ดินของโจทก์และนายพวน ให้เพิกถอนนิติกรรมการซื้อขายที่ดินระหว่างจำเลยที่ ๑ กับนายสวิง และระหว่างนายสวิงกับจำเลยที่ ๒ กับให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์
จำเลยที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นยุติฟังได้ว่า ที่ดินพิพาทเดิมเป็นที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ดิน และเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินที่โจทก์กับนายพวนซื้อจากนายพา แล้วฝากให้จำเลยที่ ๑ ครอบครองแทน การที่จำเลยที่ ๑ กับภรรยานำที่ดินพิพาทไปร้องขออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.๓) จนได้รับหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เลขที่ ๗๒ ซึ่งต่อมาได้แก้ไขเป็นเลขที่ ๙๕ ตำบลโคกลำพาน อำเภอเมืองลพบุรี และโอนขายให้แก่นายสวิงนั้น เป็นเรื่องกระทำโดยไม่มีสิทธิ การซื้อขายที่ดินพิพาทระหว่างจำเลยที่ ๑ กับภรรยาและนายสวิงก็กระทำกันโดยไม่สุจริตเพราะนายสวิงทราบดีว่าที่ดินพิพาทไม่ใช่ของจำเลยที่ ๑ และเมื่อวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๑๑ นายสวิงจดทะเบียนโอนขายที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยที่ ๒ ดังนั้นจึงมีปัญหามาสู่ศาลฎีกาเพียงว่าจำเลยที่ ๒ จะได้สิทธิในที่พิพาทหรือไม่ ได้พิเคราะห์แล้ว เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์และโจทก์ฝากให้จำเลยที่ ๑ ครอบครองแทน จำเลยที่ ๑ และภรรยาได้รับหนังสือรับรองการทำประโยชน์ก็ไม่ก่อให้เกิดสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาท และไม่มีอำนาจนำเอาที่ดินพิพาทไปขายให้แก่นายสวิง การซื้อขายที่ดินพิพาทระหว่างจำเลยที่ ๑ กับภรรรยาและนายสวิงกระทำกันโดยไม่สุจริตนายสวิงย่อมไม่มีสิทธิในที่ดินพิพาท ถึงแม้ว่าจำเลยที่ ๒ จะรับโอนที่ดินพิพาทจากนายสวิงไว้โดยสุจริต เสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนโดยถูกต้องตามกฎหมาย แต่เมื่อปรากฏว่าจำเลยที่ ๑ กับภรรยาและนายสวิงผู้มีชื่อในหนังสือรับรองการทำประโยชน์ไม่มีสิทธิในที่พิพาท จำเลยที่ ๒ ก็ไม่มีสิทธิอย่างใด เพราะผู้รับโอนย่อมไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน กรณีจะปรับบทด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๒๙๙ และมาตรา ๑๓๐๐ ไม่ได้ จึงไม่จำต้องวินิจฉัยในปัญหาดังกล่าว
พิพากษายืน

Share