คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 482/2547

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

เมื่อสืบพยานโจทก์ได้ 3 ปาก ซึ่งปรากฏว่าเป็นพยานที่รู้เห็นถึงการกระทำผิดของจำเลยในครั้งเกิดเหตุเพียงปากเดียว จำเลยก็ขอถอนคำให้การเดิมที่ปฏิเสธเป็นให้การรับสารภาพตามฟ้องตลอดข้อกล่าวหา และภายหลังจากที่โจทก์สืบพยานอีก 1 ปาก จำเลยยังได้แถลงรับข้อเท็จจริงบางประการ จนโจทก์แถลงไม่ติดใจสืบพยานอีกต่อไป ดังนี้ แม้จำเลยจะรับสารภาพเมื่อสืบพยานโจทก์ไปบ้างแล้ว ก็ยังถือไม่ได้ว่าเป็นรับสารภาพเพราะจำนนต่อพยานหลักฐาน และการที่จำเลยมิได้หลบหนีแต่กลับยินยอมให้จับกุมโดยดี ตลอดจนให้การรับสารภาพมาโดยตลอดตั้งแต่ในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนนั้น ก็นับได้ว่าเป็นการลุแก่โทษต่อเจ้าหน้าที่พนักงานและให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 ลดโทษให้แก่จำเลยกึ่งหนึ่งจึงเหมาะสมแก่รูปคดีแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 15, 66, 102 และริบเมทแอมเฟตามีนของกลางที่เหลือจากการตรวจพิสูจน์
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสอง, 16 วรรคสอง ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต จำเลยให้การรับสารภาพหลังจากสืบพยานโจทก์ไปบ้างแล้ว แต่ก็เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบ 53 คงจำคุก 33 ปี 4 เดือน ริบเมทแอมเฟตามีนของกลางที่เหลือจากการตรวจพิสูจน์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาแก้เป็นว่า มีเหตุลดโทษให้จำเลย จึงให้เปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นจำคุกห้าสิบปีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 53 ลดโทษให้จำเลยกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 25 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา โดยอัยการสูงสุดรับรองให้ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่โจทก์ฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 5 ไม่ควรลดโทษให้แก่จำเลยกึ่งหนึ่งเนื่องจากจำเลยรับสารภาพเพราะจำนนต่อพยานหลักฐาน โดยหวังเพียงเพื่อจะให้ศาลลดโทษแก่จำเลย มิได้เป็นการลุแก่โทษหรือให้ความรู้แก่ศาลในการพิจารณาแต่อย่างใดนั้น เห็นว่า เมื่อสืบพยานโจทก์ได้ 3 ปาก ซึ่งปรากฏว่าเป็นพยานที่รู้เห็นถึงการกระทำผิดของจำเลยในครั้งเกิดเหตุเพียงปากเดียว จำเลยก็ขอถอนคำให้การเดิมที่ปฏิเสธ เป็นให้การรับสารภาพตามฟ้องตลอดข้อกล่าวหา และภายหลังจากที่โจทก์สืบพยานอีก 1 ปาก จำเลยยังได้แถลงรับข้อเท็จจริงบางประการจนโจทก์แถลงไม่ติดใจสืบพยานอีกต่อไป ดังนี้ แม้จำเลยจะรับสารภาพเมื่อสืบพยานโจทก์ไปบ้างแล้ว ก็ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการรับสารภาพเพราะจำนนต่อพยานหลักฐานและการที่จำเลยมิได้หลบหนี แต่กลับยินยอมให้จับกุมโดยดี ตลอดจนให้การรับสารภาพมาโดยตลอดตั้งแต่ในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนนั้น ก็นับได้ว่าเป็นการลุแก่โทษต่อเจ้าหน้าที่พนักงานและให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 ลดโทษให้แก่จำเลยกึ่งหนึ่งจึงเป็นการเหมาะสมแก่รูปคดีแล้ว ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share