แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ
ย่อสั้น
ความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 5)ฯ ที่แก้ไขใหม่ มาตรา 66 วรรคหนึ่ง เป็นความผิดที่แยกการกระทำออกจากกันได้ กล่าวคือ ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายนั้นเป็นความผิดอาศัยเจตนาพิเศษโดยเป็นความผิดสำเร็จเมื่อจำเลยมีเจตนารับเอาเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อนำไปจำหน่ายกรรมหนึ่งแล้ว ส่วนความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนเป็นความผิดสำเร็จในตอนหลัง เป็นอีกกรรมหนึ่งต่างหาก
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 849/2541 ของศาลชั้นต้น ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15, 66 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91 ริบเมทแอมเฟตามีนที่เหลือจากการตรวจพิสูจน์ คืนเงินที่ใช้ล่อซื้อแก่เจ้าของ และนับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 849/2541 ของศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ และจำเลยที่ 1 รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่ง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ลงโทษฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกคนละ 8 ปี จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกคนละ 4 ปี ริบเมทแอมเฟตามีนของกลางและคืนเงินที่ใช่ล่อซื้อแก่เจ้าของ สำหรับคดีอาญาหมายเลขดำที่ 849/2541 ของศาลชั้นต้น ไม่ปรากฏว่าศาลได้พิพิพากษาแล้วหรือไม่ จึงไม่มีโทษที่จะนับต่อได้ ให้ยกคำขอส่วนนี้
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง เดิม, 66 วรรคหนึ่ง ที่แก้ไขใหม่ การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดสองกรรมต่างกัน เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุกคนละ 8 ปี ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำคุกคนละ 5 ปี รวม 2 กระทง จำคุก 13 ปี ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง จำคุกคนละ 6 ปี 6 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นแต่ยังคงลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสองไม่เกินกระทงละ 5 ปี จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง มีปัญหาข้อกฎหมายที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 2 เพียงว่า การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดกรรมเดียวหรือไม่ เห็นว่า ความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2545 ที่แก้ไขใหม่ มาตรา 66 วรรคหนึ่ง เป็นความผิดที่แยกการกระทำออกจากกันได้ กล่าวคือ ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายนั้นเป็นความผิดอาศัยเจตนาพิเศษโดยเป็นความผิดสำเร็จ เมื่อจำเลยมีเจตนารับเอาเมทแอมเฟตามีนไว้ในความครอบครองเพื่อนำไปจำหน่ายกรรมหนึ่งแล้ว ส่วนความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนเป็นความผิดสำเร็จในตอนหลัง แม้จำเลยทั้งสองจะนำเมทแอมเฟตามีนจำนวน 20 เม็ด ที่จำเลยทั้งสองมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายดังกล่าวนำมาขายแก่สายลับผู้ล่อซื้อ และเป็นความผิดอีกกรรมหนึ่งอีกต่างหาก การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นความผิดสองกรรมหาใช่กรรมเดียวไม่ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาลงโทษจำเลยมา 2 กรรม ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 2 ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน