แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยทั้งสองทราบดีว่า ส. กับผู้ตายมีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อนวันเกิดเหตุ จำเลยทั้งสองกับ ส. เดินไปพบผู้ตายกับพวกส. ชักมีดปลายแหลมไล่แทงทำร้ายผู้ตาย จำเลยทั้งสองได้วิ่งตามส.เข้าไปด้วยเมื่อส. แทงผู้ตายแล้ว จำเลยทั้งสองได้ช่วยกันกระทืบผู้ตายซ้ำ แล้วจำเลยทั้งสองกับ ส. ก็ได้หลบหนีไปด้วยกันแสดงให้เห็นเจตนาของจำเลยกับพวกที่จะร่วมกันแทงทำร้ายผู้ตายมาแต่ต้น แม้จำเลยทั้งสองจะไม่ได้แทงผู้ตาย เพียงแต่กระทืบผู้ตายอันเป็นการทำร้ายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจก็ตาม เมื่อการตายของผู้ตายเกิดจากการแทงทำร้ายของพวกจำเลยก็ย่อมถือว่าจำเลยทั้งสองเป็นตัวการในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาด้วย จำเลยทั้งสองกับพวกมาพบผู้ตายโดยบังเอิญ แล้วได้ร่วมกันทำร้ายผู้ตายทันที ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองกับพวกมีแผนการหรือไตร่ตรองไว้ก่อนในการที่จะฆ่าผู้ตาย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา288, 289, 83 จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4) ประกอบด้วยมาตรา 83 ให้ประหารชีวิต คำรับสารภาพในชั้นสอบสวนของจำเลยทั้งสองเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบด้วยมาตรา 52(1) คงจำคุกจำเลยทั้งสองไว้ตลอดชีวิต โจทก์และจำเลยทั้งสองต่างไม่อุทธรณ์ศาลชั้นต้นส่งสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 245 ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391 จำคุกคนละ 1 เดือนตามพฤติการณ์แห่งคดีแม้จำเลยทั้งสองจะรับสารภาพชั้นสอบสวนก็ไม่สมควรลดโทษให้ จำเลยทั้งสองต้องขังมาพอแก่โทษแล้ว ให้ปล่อยตัวไป โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยทั้งสองทราบดีว่า นายสุภาพซึ่งเป็นน้องชายจำเลยที่ 1 กับผู้ตายมีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อนวันเกิดเหตุ นายสุภาพกับจำเลยทั้งสองพบผู้ตายกับพวก นายสุภาพกับจำเลยทั้งสองเดินเข้าหาฝ่ายผู้ตายเมื่อใกล้จะถึงนายสุภาพก็ชักมีดปลายแหลมไล่แทงทำร้ายผู้ตายซึ่งหนีเข้าไปในถนนประสานมิตร จำเลยทั้งสองได้วิ่งตามนายสุภาพเข้าไปด้วย เมื่อนายสุภาพแทงผู้ตายแล้ว จำเลยทั้งสองได้ช่วยกันกระทืบผู้ตายซ้ำ แล้วจำเลยทั้งสองกับนายสุภาพก็ได้หลบหนีไปด้วยกันดังที่โจทก์นำสืบ พฤติการณ์ที่จำเลยทั้งสองทราบดีว่านายสุภาพน้องชายของจำเลยที่ 1 กับผู้ตายมีสาเหตุโกรธเคืองกันเมื่อเห็นนายสุภาพถือมีดปลายแหลมเดินเข้าหาผู้ตายและไล่แทงผู้ตาย จำเลยทั้งสองก็ตามเข้าไปด้วย ทั้งยังช่วยกันกระทืบผู้ตายหลังจากที่ผู้ตายถูกนายสุภาพใช้มีดปลายแหลมแทง แล้วจำเลยทั้งสองกับนายสุภาพก็หลบหนีไปพร้อมกัน แสดงให้เห็นเจตนาของจำเลยทั้งสองกับพวกที่จะร่วมกันแทงทำร้ายผู้ตายมาแต่ต้น แม้จำเลยทั้งสองจะไม่ได้แทงผู้ตาย เพียงแต่กระทืบผู้ตาย อันเป็นการทำร้ายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจก็ตาม เมื่อการตายของผู้ตายเกิดจากการแทงทำร้ายของพวกจำเลย ก็ย่อมถือว่าจำเลยทั้งสองเป็นตัวการในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาด้วยที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยทั้งสองคงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391 นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย แต่ที่โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นนั้นคดีได้ความว่า จำเลยทั้งสองกับพวกมาพบฝ่ายผู้ตายโดยบังเอิญแล้วได้ร่วมกันทำร้ายผู้ตายในทันที รูปคดีจึงยังไม่พอฟังว่าจำเลยทั้งสองกับพวกมีแผนการหรือไตร่ตรองไว้ก่อน ในการที่จะฆ่าผู้ตายจึงลงโทษจำเลยทั้งสองฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนไม่ได้อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้นบางส่วน”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 83 ตามพฤติการณ์แห่งคดีสมควรลงโทษในสถานเบาให้วางโทษจำคุกคนละ 15 ปี คำให้การของจำเลยทั้งสองในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกไว้คนละ 10 ปี