คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 458/2488

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ได้เป็นนายหน้าไปเสนอขายเครื่องจักร์ของจำเลยต่อกระทรวงอุสาหกรรม ๆ ไม่ต้องการต่อมากรมเกษตร์ได้ทำสัญญาซื้อเครื่องจักร์รายนี้จากจำเลย แม้โจทก์จะไม่ได้เป็นผู้ชี้ช่องให้กรมเกษตร์ซื้อเครื่องจักร์รายนี้โดยตรงก็ดี แต่ที่กรมเกษตร์ทราบว่าจำเลยจะขายก็เนื่องมาจากโจทก์ไปเสนอขายทางกระทรวงอุสาหกรรมดังนี้ นับว่าโจทก์เป็นผู้ชี้ช่องให้เข้าทำสัญญากัน โจทก์มีสิทธิได้รับค่านายหน้า

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องเรียกเงินค่านายหน้าที่ขายเครื่องจักร์หีบฝ้าย ๒ เครื่อง จากจำเลยที่ ๑ และที่ ๒
จำเลยทั้งสองปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นฟังว่า โจทก์กับจำเลยที่ ๑ ได้พูดตกลงกันว่าจะให้โจทก์เป็นนายหน้าขายเครื่องจักร์หีบฝ้าย ถ้าขายได้จะให้ค่านายหน้าร้อยละ ๑๐ ของราคาขาย โจทก์ได้ไปเสนอขายที่กระทรวงอุตสาหกรรม โดยไปติดต่อกับนายทวี อัศวนนท์ หัวหน้ากองอุตสาหกรรม นายทวีได้เสนอเรื่องไปยังพลอากาศตรีมุณี รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรม แต่กระทรวงอุตสาหกรรมไม่ซื้อ ต่อมาพลอากาศตรีมุณีได้แจ้งแก่นายช่วง อธิบดีกรมเกษตร์อธิบดีกรมเกษตร์ได้ไปติดต่อซื้อเครื่องจักร์รายนี้จากจำเลยที่ ๑ วินิจฉัยว่ากรณีย์เรียกได้ว่า โจทก์ได้ชี้ช่องให้เข้าทำสัญญากันแล้ว เพราะที่อธิบดีกรมเกษตร์มาขอซื้อเครื่องจักร์จากจำเลยที่ ๑ ก็เนื่องมาจากโจทก์เป็นผู้ชี้ช่องให้ พิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ชำระค่านายหน้าให้โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยตามกฎหมาย จำเลยที่ ๒ ไม่มีสัญญากับโจทก์และไม่ใช่เจ้าของเครื่องจักร์อันแท้จริง ไม่ต้องรับผิดค่านายหน้า คดีสำหรับตัวจำเลยที่ ๒ ยกฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่า แม้โจทก์จะไม่ได้เป็นผู้ชี้ช่องให้กรมเกษตร์ซื้อเครื่องจักร์รายนี้โดยตรงก็ดี แต่ก็กรมเกษตร์ทราบว่าจำเลยที่ ๑ จะขายเครื่องจักร์รายนี้ก็สืบเนื่องโดยตรงมาจากการที่โจทก์ไปเสนอเรื่องให้นายทวี ทราบนับว่าโจทก์ได้ชี้ช่องให้เข้าทำสัญญากันแล้ว พิพากษายืน

Share