แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนอำนาจปกครองบุตรซึ่งตกอยู่แก่จำเลยฝ่ายเดียวตามข้อตกลงจดทะเบียนหย่า แต่ตามคำบรรยายฟ้องและพฤติการณ์แห่งคดีเป็นกรณีโจทก์ประสงค์ที่จะเปลี่ยนตัวผู้ใช้อำนาจปกครองตามที่ได้ตกลงไว้กับจำเลย ถือได้ว่า โจทก์ประสงค์ที่จะเปลี่ยนตัวผู้ใช้อำนาจปกครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1520 และ 1521
แม้จำเลยไม่มีพฤติการณ์ประพฤติตนไม่สมควรในการใช้อำนาจปกครองตามข้อตกลงที่จดทะเบียนแต่ปรากฎภายหลังว่ามีพฤติการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปเมื่อคำนึงถึงความผาสุกและประโยชน์ของบุตร ศาลเห็นสมควรเปลี่ยนตัวผู้ใช้อำนาจจากจำเลยมาเป็นโจทก์ได้ตาม มาตรา 1520 และ 1521
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนอำนาจปกครองของจำเลยที่มีต่อเด็กชายต่อเผ่า แก้วพนม และเด็กชายตามพันธุ์ แก้วพนม แล้วให้โจทก์เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองผู้เยาว์ทั้งสองแต่เพียงผู้เดียว กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลย
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ แผนกคดีเยาวชนและครอบครัว พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ววินิจฉัยว่าคดีนี้แม้โจทก์ฟ้องโดยมีคำขอท้ายฟ้องให้เพิกถอนอำนาจปกครองของจำเลยซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจแต่ฝ่ายเดียวตามข้อตกลงท้ายทะเบียนการหย่าแต่คำบรรยายฟ้องและพฤติการณ์แห่งคดีเป็นกรณีที่โจทก์ประสงค์จะเปลี่ยนตัวผู้ใช้อำนาจปกครองตามที่ได้เคยตกลงไว้กับจำเลย จึงพออนุโลมได้ว่า โจทก์ขอให้มีการเปลี่ยนตัวผู้ใช้อำนาจปกครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๕๒๐ และ ๑๕๒๑ ซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๕๒๐ วรรคแรก บัญญัติว่า “ในกรณีหย่าโดยความยินยอม ให้สามีภริยาทำความตกลงเป็นหนังสือว่า ฝ่ายใดจะเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรคนใด ถ้ามิได้ตกลงกันหรือตกลงกันไม่ได้ให้ศาลเป็นผู้ชี้ขาด” และมาตรา ๑๕๒๑ บัญญัติว่า “ถ้าปรากฏว่าผู้ใช้อำนาจปกครอง หรือผู้ปกครองตามมาตรา ๑๕๒๐ ประพฤติตนไม่สมควร หรือภายหลังพฤติการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไป ศาลมีอำนาจสั่งเปลี่ยนตัวผู้ใช้อำนาจปกครอง หรือผู้ปกครองโดยคำนึงถึงความผาสุก และประโยชน์ของบุตรเป็นสำคัญ” เหตุนี้กรณีตามฟ้องของโจทก์จึงต้องพิเคราะห์ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏระหว่างโจทก์จำเลยว่า จำเลยประพฤติตนไม่สมควรหรือภายหลังพฤติการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไป อันจะเป็นเหตุให้ศาลมีอำนาจสั่งเปลี่ยนตัวผู้ใช้อำนาจปกครองหรือไม่ สำหรับข้อที่ว่าจำเลยประพฤติตนไม่สมควรหรือไม่นั้น ตามทางนำสืบของโจทก์ โจทก์คงอ้างลอย ๆ ว่า จำเลยปฏิบัติผิดข้อตกลง โดยนำบุตรทั้งสองไปให้มารดาจำเลยเลี้ยงอยู่ที่จังหวัดนครสวรรค์ แทนที่จำเลยจะเป็นผู้เลี้ยงดูด้วยตนเองที่จังหวัดสมุทรปราการ ทำให้บุตรทั้งสองขาดความอบอุ่น ซึ่งเมื่อพิเคราะห์บันทึกข้อตกลงท้ายทะเบียนการหย่าแล้วไม่ปรากฏว่ามีข้อตกลงมีข้อความใดระบุให้จำเลยต้องนำบุตรทั้งสองมาอยู่บ้านของจำเลยที่จังหวัดสมุทรปราการ คงระบุเพียงว่าให้บุตรทั้งสองอยู่ในอำนาจปกครองของจำเลยซึ่งเป็นบิดาเท่านั้น เหตุนี้จำเลยซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองย่อมมีสิทธิกำหนดที่อยู่ของบุตรทั้งสองได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๕๖๗ (๑) นอกจากนี้ขณะอยู่กินกับจำเลย โจทก์มีอาการป่วยเพ้อเป็นโรคเครียด มารดาโจทก์จึงบอกจำเลยให้นำบุตรทั้งสองไปให้มารดาของจำเลยซึ่งอยู่จังหวัดนครสวรรค์เป็นผู้เลี้ยงดู ฉะนั้น การที่จำเลยยังคงให้มารดาของตนเลี้ยงดูบุตรทั้งสองต่อมาภายหลังการหย่าโดยจำเลยไปเยี่ยมพร้อมทั้งส่งเงินค่าเลี้ยงดูให้ตลอดมา ย่อมเป็นกรณีที่ใช้อำนาจปกครองอันเหมาะสมและสอดคล้องกับพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะที่มีการหย่า หาใช่เป็นการประพฤติตนไม่สมควรแต่ประการใดไม่ อย่างไรก็ดี ปัจจุบันโจทก์หายเป็นปกติ และทำงานเป็นเสมียนทนายความอยู่กับพี่ชายซึ่งเป็นทนายความมีเงินเดือน ๆ ละ ๑๒,๐๐๐ บาท โจทก์ได้รับบุตรทั้งสองมาเลี้ยงดูตั้งแต่ปี ๒๕๔๐ จนถึงปัจจุบัน โดยให้บุตรทั้งสองศึกษาเล่าเรียนที่โรงเรียนในจังหวัดสมุทรปราการ และจำเลยได้เคยไปเยี่ยมบุตรทั้งสองที่โรงเรียนด้วย ทั้งจำเลยก็มิได้โต้แย้งว่าโจทก์มีพฤติการณ์และสถานะไม่เหมาะสมในการเลี้ยงดูบุตรทั้งสอง เหตุนี้หากจำเลยนำบุตรทั้งสองกลับไปให้มารดาของจำเลยเลี้ยงดูที่จังหวัดนครสวรรค์อีกครั้ง ก็อาจเป็นการกระทบกระเทือนต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของบุตรทั้งสอง ซึ่งโจทก์เป็นผู้เลี้ยงดูอย่างเป็นปกติสุขตลอดระยะเวลา ๕ ปี ที่ผ่านมา เมื่อคำนึงถึงความผาสุกและประโยชน์ของบุตรทั้งสอง ประกอบกับพฤติการณ์ที่ได้เปลี่ยนแปลงไปดังกล่าวแล้วจึงเห็นสมควารเปลี่ยนตัวผู้ใช้อำนาจปกครองจากจำเลยซึ่งเป็นบิดา มาเป็นโจทก์ซึ่งเป็นมารดาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๕๒๐ และ ๑๕๒๑ โดยให้จำเลยมีสิทธิติดต่อเยี่ยมเยียนบุตรทั้งสองได้ตามควรแก่พฤติการณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๕๘๔/๑ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับเป็นว่า ให้โจทก์เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองเด็กชายต่อเผ่า แก้วพนม และเด็กชายตามพันธุ์ แก้วพนม บุตรทั้งสองซึ่งเป็นผู้เยาว์โดยให้จำเลยมีสิทธิติดต่อกับบุตรทั้งสองได้ตามควรแก่พฤติการณ์ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ