แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองโดยอ้างว่าจำเลยทั้งสองจะต้องรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญากู้และสัญญาค้ำประกันแต่คดีฟังได้ว่าสัญญากู้ตามฟ้องมีมูลหนี้มาจากการเล่นแชร์ดังนี้ถือว่าเป็นแต่เพียงรายละเอียดแห่งข้อเท็จจริงว่ามูลกรณีของการกู้ยืมรายนี้เป็นมาอย่างไรเท่านั้น มิใช่เป็นเรื่องได้ความแตกต่างผิดไปจากฟ้อง (ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 520/2503)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ ได้กู้เงินโจทก์ไป ๓,๓๐๐ บาท ดอกเบี้ยไม่ได้กำหนดอัตราไว้ จำเลยที่ ๒ เป็นผู้ค้ำประกัน โจทก์ทวงถามแล้วจำเลยทั้งสองเพิกเฉย ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยที่ ๑ ชำระต้นเงินและดอกเบี้ยรวม ๔,๐๒๑ บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน ๓,๓๐๐ บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ ถ้าจำเลยที่ ๑ ไม่ชำระให้จำเลยที่ ๒ ชำระแทนจนครบ
จำเลยที่ ๑ ให้การว่า ความจริงเป็นเรื่องเล่นแชร์กัน จำเลยที่ ๑ประมูลแชร์ได้ โจทก์ซึ่งเป็นนายวงแชร์ให้จำเลยที่ ๑ ทำหลักฐานสัญญากู้ให้โจทก์ไว้ โดยมีจำเลยที่ ๒ เป็นผู้ค้ำประกัน จำเลยชำระค่าแชร์ให้โจทก์ไปแล้ว ๒,๗๐๐ บาท คงค้างอยู่ ๖๐๐ บาท โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้อง เพราะหนี้เกิดจากการเล่นแชร์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นฟังว่า หนี้รายนี้เป็นหนี้แชร์ ข้อตกลงในการเล่นแชร์ไม่ใช่กู้ยืม พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยที่ ๑ กู้เงินโจทก์ไปจริงตามฟ้อง จำเลยที่ ๒ เป็นผู้ค้ำประกัน และยังไม่ได้ชำระเงินต้นและดอกเบี้ยให้โจทก์ พิพากษากลับให้จำเลยที่ ๑ ชำระต้นเงิน ๓,๓๐๐ บาท ดอกเบี้ย ๗๒๑ บาท รวมเป็นเงิน ๔,๐๒๑ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน ๓,๓๐๐ บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ ถ้าจำเลยที่ ๑ ไม่ชำระ ให้จำเลยที่ ๒ ชำระแทน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่า สัญญากู้เงินดังกล่าวมีมูลมาจากการเล่นแชร์และจำเลยยังคงค้างชำระอยู่เพียง ๖๐๐ บาท และเห็นว่า แม้โจทก์จะฟ้องจำเลยทั้งสองโดยอ้างว่าจำเลยทั้งสองจะต้องรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญากู้ และสัญญาค้ำประกัน แต่ความจริงเป็นหนี้ค่าแชร์ก็ตามก็เห็นว่าเป็นแต่เพียงรายละเอียดแห่งข้อเท็จจริงว่า มูลกรณีของการกู้ยืมรายนี้เป็นมาอย่างไรเท่านั้น มิใช่เป็นเรื่องได้ความแตกต่างผิดไปจากฟ้อง ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ ๕๒๐/๒๕๐๓ จำเลยทั้งสองจึงต้องรับผิดชำระเงินจำนวนดังกล่าวให้โจทก์
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้จำเลยที่ ๑ ชำระเงิน ๖๐๐ บาทให้โจทก์ ถ้าไม่ชำระ ให้จำเลยที่ ๒ ชำระแทนจนครบ