คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7571/2544

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องความว่าจำเลยทำขึ้นซึ่งเอกสารปลอม โดยปลอมลายมือชื่อของผู้ขอเอาประกันภัยรวม 6 คน และกรอกข้อความอันเป็นเท็จลงในแบบพิมพ์ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลของโจทก์ร่วมรวม 6 ฉบับเพื่อให้โจทก์ร่วมหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริงที่ผู้ขอเอาประกันภัยทั้งหกคนดังกล่าวทำขึ้น เพื่อขอประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลกับโจทก์ร่วมแล้วจำเลยใช้เอกสารปลอมที่ทำขึ้นรวม 6 ฉบับดังกล่าวยื่นต่อโจทก์ร่วมเพื่อขอเอาประกันภัย เป็นเหตุให้โจทก์ร่วมหลงเชื่อ จึงได้ออกกรมธรรม์ประกันภัยให้แก่ผู้มีรายชื่อขอเอาประกันภัยทั้งหกคนนั้น เมื่อจำเลยเป็นผู้ปลอมเอกสารทั้งหกฉบับและใช้เอกสารปลอมทั้งหกฉบับซึ่งแต่ละฉบับมีชื่อผู้ขอเอาประกันภัยแต่ละคนอ้างต่อโจทก์ร่วมเอง แม้ปรากฏว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งที่จำเลยใช้เอกสารปลอมดังกล่าวจำนวน 2 ฉบับ ในวันเดียวกันก็ตาม ต้องถือว่าจำเลยใช้เอกสารปลอมรวม 6 กระทง ที่ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำเลยฐานใช้เอกสารปลอมมาเพียง 5 กระทงจึงเป็นการมิชอบ ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้องโดยไม่แก้โทษที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามา เพราะจะเป็นการพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลย ซึ่งต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 212 ประกอบมาตรา 225

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 91, 264, 265, 268, 341 และให้จำเลยทั้งสองคืนหรือใช้เงินจำนวน 1,374,802 บาทแก่ผู้เสียหาย

ระหว่างพิจารณา บริษัทอเมริกันอินเตอร์แนชชั่นแนลแอสชัวรันส์จำกัด ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต แล้วโจทก์ร่วมขอถอนคำร้องทุกข์ในข้อหาฉ้อโกง ศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีสำหรับจำเลยที่ 1 เฉพาะข้อหาดังกล่าวและจำหน่ายคดีสำหรับจำเลยที่ 2

จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264, 265, 268 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอมลงโทษฐานใช้เอกสารสิทธิปลอมเพียงบทเดียวตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 268 วรรคสอง จำเลยที่ 1 กระทำความผิดฐานใช้เอกสารสิทธิปลอมรวม 5 กระทง ลงโทษจำคุกกระทงละ 6 เดือน รวมจำคุก 30 เดือน จำเลยที่ 1ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 15 เดือนส่วนที่โจทก์ขอให้จำเลยทั้งสองคืนหรือชดใช้เงินจำนวน 1,374,802 บาทนั้น เห็นว่า ข้อหาฉ้อโกงโจทก์ร่วมได้ถอนคำร้องทุกข์และศาลได้จำหน่ายคดีเฉพาะข้อหาฉ้อโกงไปแล้ว คำขอโจทก์ส่วนนี้จึงให้ยก

จำเลยที่ 1 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 ด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยที่ 1 ฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1ว่ามีเหตุสมควรลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษให้แก่จำเลยที่ 1 หรือไม่เห็นว่า จำเลยที่ 1 ทำปลอมขึ้นซึ่งเอกสาร โดยปลอมลายมือชื่อของผู้ขอเอาประกันภัยรวม 6 คน และกรอกข้อความลงในแบบพิมพ์ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลของโจทก์ร่วมรวม 6 ฉบับ แล้วจำเลยที่ 1 ใช้เอกสารปลอมดังกล่าวยื่นต่อโจทก์ร่วมเพื่อขอเอาประกันภัยเป็นเหตุให้โจทก์ร่วมหลงเชื่อ จึงได้ออกกรมธรรม์ประกันภัยให้แก่ผู้มีชื่อที่ขอเอาประกันภัยตามเอกสารปลอมดังกล่าว โดยตามรายงานการสืบเสาะและพินิจของพนักงานคุมประพฤติซึ่งจำเลยที่ 1 มิได้โต้แย้งคัดค้านปรากฏว่า จำเลยที่ 1ทำงานกับโจทก์ร่วมมานานประมาณ 5 ปี จนได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าฝ่ายประเมินการประกันภัย ทำหน้าที่ตรวจสอบความสามารถผู้เอาประกันภัยและตรวจสอบการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน นับเป็นตำแหน่งหน้าที่ซึ่งควรได้รับความไว้วางใจจากโจทก์ร่วมในความซื่อสัตย์สุจริตเป็นอย่างยิ่งและจำเลยที่ 1 ย่อมมีประสบการณ์ในการทำงานและความรอบรู้ในระบบงานของโจทก์ร่วมเป็นอย่างดี แต่จำเลยที่ 1 กลับอาศัยประสบการณ์ในการทำงานและความรอบรู้ดังกล่าวมากระทำความผิดต่อโจทก์ร่วมผู้เป็นนายจ้างเสียเอง พฤติการณ์ในการกระทำความผิดของจำเลยที่ 1 จึงเป็นเรื่องที่ร้ายแรง การที่จำเลยที่ 1 ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ร่วมจนไม่ติดใจเอาความแก่จำเลยที่ 1 และโจทก์ร่วมขอถอนคำร้องทุกข์ในข้อหาฉ้อโกงแล้วก็ตาม ก็มีผลทำให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องในข้อหาดังกล่าวระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) เท่านั้น ส่วนความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารปลอมซึ่งจำเลยที่ 1 กระทำนั้นหาได้ระงับไปด้วยไม่ แม้ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อนทั้งมีภาระต้องเลี้ยงดูครอบครัวดังที่กล่าวอ้างในฎีกาก็ยังสมควรลดโทษให้แก่จำเลยที่ 1 ที่ศาลล่างทั้งสองใช้ดุลพินิจกำหนดโทษจำคุกจำเลยที่ 1เพียงกระทงละ 6 เดือน ก่อนลดโทษให้กึ่งหนึ่ง โดยไม่รอการลงโทษให้แก่จำเลยที่ 1 นั้น นับว่าเป็นคุณแก่จำเลยที่ 1 และเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งรูปคดีแล้ว ฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้น

อนึ่ง คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องความว่า จำเลยที่ 1 ทำขึ้นซึ่งเอกสารปลอม โดยปลอมลายมือชื่อของผู้ขอเอาประกันภัยรวม 6 คน และกรอกข้อความอันเป็นเท็จลงในแบบพิมพ์ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลของโจทก์ร่วมรวม 6 ฉบับ เพื่อให้โจทก์ร่วมหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริงที่ผู้ขอเอาประกันภัยทั้งหกคนดังกล่าวทำขึ้น เพื่อขอประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลกับโจทก์ร่วม แล้วจำเลยที่ 1 ใช้เอกสารปลอมที่ทำขึ้นรวม6 ฉบับดังกล่าว ยื่นต่อโจทก์ร่วมเพื่อขอเอาประกันภัย เป็นเหตุให้โจทก์ร่วมหลงเชื่อ จึงได้ออกกรมธรรม์ประกันภัยให้แก่ผู้มีรายชื่อขอเอาประกันภัยทั้งหกคนนั้น เมื่อจำเลยที่ 1 เป็นผู้ปลอมเอกสารทั้งหกฉบับและใช้เอกสารปลอมทั้งหกฉบับซึ่งแต่ละฉบับมีชื่อผู้ขอเอาประกันภัยแต่ละคนต่อโจทก์ร่วมเอง แม้ปรากฏว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งที่จำเลยที่ 1 ใช้เอกสารปลอมดังกล่าวจำนวน 2 ฉบับในวันเดียวกันก็ตาม ต้องถือว่าจำเลยที่ 1 ใช้เอกสารปลอมรวม 6 กระทง ที่ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานใช้เอกสารปลอมมาเพียง 5 กระทง จึงเป็นการมิชอบ ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้องโดยไม่แก้โทษที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามา เพราะจะเป็นการพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลยที่ 1 ซึ่งต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212 ประกอบมาตรา 225 นอกจากนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ปรับบทลงโทษจำเลยที่ 1 ยังไม่ชัดแจ้งศาลฎีกาเห็นสมควรปรับบทลงโทษจำเลยที่ 1 ให้ถูกต้องชัดแจ้งเสียด้วย”

พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264 วรรคแรก, 268 วรรคแรกประกอบด้วยมาตรา 264 วรรคแรกเนื่องจากจำเลยที่ 1 เป็นผู้ปลอมและใช้เอกสารปลอมนั้นเอง จึงให้ลงโทษฐานใช้เอกสารปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคแรกประกอบด้วยมาตรา 264 วรรคแรก ตามมาตรา 268 วรรคสอง การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 รวม 6 กระทงนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share