คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 943/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คนร้ายจูงกระบือไปจากใต้ถุนเรือนจำเลยเมื่อเวลาประมาณ 24 นาฬิกา จำเลยร้องถามคนร้ายหันปืนมาทางจำเลย จำเลยจึงยิงปืนไปจากบนเรือน 2 นัดถูกคนร้ายตาย จำเลยเคยถูกลักกระบือมาแล้วครั้งหนึ่ง และหมู่บ้านนั้นมีการลักกระบือเสมอ ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันสิทธิของตนให้พ้นภยันตรายพอสมควรแก่เหตุ จำเลยจึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 68.
จำเลยต่อสู้ว่าจำเลยกระทำเพื่อเป็นการป้องกัน เท่ากับจำเลยปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำผิดจึงเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะนำสืบว่าจำเลยได้ยิงผู้ตายถึงแก่ความตายโดยเจตนา ไม่ใช่เป็นเรื่องที่จำเลยกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตน.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบังอาจใช้ปืนยิงนายเหลี่ยง สูนปั้ง ถึงแก่ความตายโดยเจตนาและได้ไตร่ตรองไว้ก่อนแล้ว ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๘,๒๘๙ และริบของกลาง
จำเลยให้การว่า ผู้ตายได้เข้ามาลักกระบือของจำเลยซึ่งผูกไว้ใต้ถุนเรือนจำเลยจึงยิงผู้ตายเพื่อป้องกันตัวและป้องกันทรัพย์พอสมควรแก่เหตุ
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยเจตนาฆ่าผู้ตาย เพราะได้กินเหล้ากับผู้ตาย คงมีปากเสียงกัน ไม่ใช่เรื่องผู้ตายมาลักกระบือของจำเลย จำเลยไม่มีแผนการฆ่าผู้ตายมาก่อนจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๘ ให้จำคุก ๑๕ ปี ปืนและปลอกกระสุนปืนของกลางให้ริบ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า คำให้การของจำเลยเป็นประโยชน์แก่ทางพิจารณา ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ ลง ๑ ใน ๓ คงจำคุก ๑๐ ปี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยต่อสู้ว่าจำเลยกระทำเพื่อเป็นการป้องกัน เท่ากับจำเลยปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำผิด จึงเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะนำสืบว่าจำเลยได้ยิงผู้ตายถึงแก่ความตายโดยเจตนา ไม่ใช่เป็นเรื่องที่จำเลยกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตน โจทก์ไม่มีพยานรู้เห็นในเวลาที่จำเลยยิงผู้ตาย โจทก์นำสืบเป็นทำนองว่าผู้ตายได้มากินไก่ต้มที่บ้านจำเลยและเกิดปากเสียงกัน จำเลยจึงยิงผู้ตาย แต่พยานโจทก์ไม่มีใครเลยที่ยืนยันหรือเห็นผู้ตาย หรือมีพฤติการณ์แวดล้อมว่าผู้ตายได้มากินไก่ต้มที่บ้านจำเลยแล้วมีปากเสียง จำเลยจึงยิงผู้ตาย โจทก์จะให้ศาลสันนิษฐานข้อเท็จจริงว่าจำเลยได้ยิงผู้ตายเพราะอาจมีปากเสียงกับผู้ตาย เช่นนี้ ย่อมไม่ได้ ไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณาคดีในทางอาญา สรุปแล้ว โจทก์ไม่สามารถสืบให้เห็นได้ว่า การที่จำเลยยิงผู้ตายนั้น ไม่ใช่เรื่องผู้ตายเข้ามาลักกระบือจากใต้ถุนเรือน
ข้อวินิจฉัยต่อไปมีว่า จำเลยได้กระทำพอสมควรแก่เหตุหรือไม่ ได้ความว่า เกิดเหตุเวลา ๒๔ นาฬิกาเศษ คนร้ายจูงกระบือออกไปจากใต้ถุนเรือน คนร้ายมีปืนยาวลูกซอง จำเลยร้องถามแล้ว คนร้ายหันปืนมาทางจำเลย ถ้าจำเลยไม่ยิง คนร้ายก็พากระบือไปได้ และจำเลยอาจจะถูกยิงด้วยหากจำเลยลงจากเรือนไปทำการขัดขวาง ก็ไม่แน่ว่าจะทันกับเหตุการณ์และได้ผลโดยปลอดภัยหรือไม่ คนร้ายอาจจะทำร้ายหรือทำการต่อสู้เอาก็ได้ จะให้จำเลยทำการเสี่ยงต่ออันตรายในเวลาปัจจุบันทันด่วยเช่นนี้ ก็อาจจะเป็นอันตรายแก่จำเลยถึงแก่ความตายได้ ประกอบกัยได้ความว่า เคยมีคนร้ายเข้ามาลักกระบือจากใต้ถุนบ้านครั้งหนึ่งแล้ว และในหมู่บ้านที่เกิดเหตุนี้ก็มีการลักกระบือกันเป็นปกติธรรมดา ที่เกิดเหตุก็เป็นที่ใต้ชายคาบ้าน เมื่อพิจารณาถึงภูมิประเทศและพฤติการณ์ต่าง ๆ ดังนี้แล้ว ศาลฎีกาเห็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันสิทธิของตนให้พ้นภยันตรายพอสมควรแก่เหตุ จำเลยจึงบไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๖๘ ฎีกาจำเลยฟังขึ้น
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ให้ยกฟ้องปล่อยจำเลยพ้นข้อหาไปปืนและปลอกกระสุนปืนของกลางให้คืนแก่เจ้าของ.

Share