แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
อุทธรณ์ของจำเลยที่ขอให้ศาลมีคำสั่งให้ส่งตัวจำเลยไปให้ส. ซึ่งเป็นป้าของจำเลย ดูแลแทนการส่งตัวจำเลยไปฝึกอบรม ย่อมมีผลเป็นการอุทธรณ์ดุลพินิจของศาลชั้นต้นซึ่งเป็นการอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง จึงเป็นอุทธรณ์ที่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ ประกอบด้วยพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความฯ มาตรา 22 กับพระราชบัญญัติ ให้นำวิธีพิจารณาความฯ มาตรา 3 เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่งตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 74 แล้ว หากจำเลยเห็นว่าพฤติการณ์เกี่ยวกับคำสั่งดังกล่าวของศาลเปลี่ยนแปลงไป จำเลยชอบที่จะร้องขอต่อศาลชั้นต้นให้เปลี่ยนแปลงแก้ไขคำสั่งนั้นหรือมีคำสั่งใหม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334และขอให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์คิดเป็นเงิน 1,660 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 334 จำเลยอายุ 12 ปีเศษ พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งการกระทำผิดแล้วเห็นสมควรให้ส่งตัวจำเลยไปฝึกอบรมยังสถานพินิจและคุ้มครองเด็กจังหวัดนครสวรรค์มีกำหนดระยะเวลา 3 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 74(5) ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 1,660 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาว่า ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าอุทธรณ์ของจำเลยต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 193 ทวิ นั้นชอบหรือไม่ โดยจำเลยฎีกาว่า ในอุทธรณ์ของจำเลยยกเหตุว่า จำเลยประสงค์จะให้นางสาวสมศรี คล้ายพงษ์ป้าจำเลยซึ่งยื่นคำร้องมาในชั้นอุทธรณ์รับตัวจำเลยไปดูแล แต่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า อุทธรณ์ของจำเลยต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ มิชอบด้วยกฎหมายพิเคราะห์แล้วคดีนี้ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดจำเลยอายุ 12 ปีเศษจึงให้ส่งตัวจำเลยไปฝึกอบรมยังสถานพินิจและคุ้มครองเด็กจังหวัดนครสวรรค์มีกำหนด 3 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 74(5) การที่จำเลยอุทธรณ์ขอให้ศาลมีคำสั่งให้ส่งตัวจำเลยไปให้นางสาวสมศรี คล้ายพงษ์ ป้าจำเลยดูแลแทนการส่งตัวจำเลยไปฝึกอบรม มีผลเป็นการอุทธรณ์ดุลพินิจของศาลชั้นต้น เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2532 มาตรา 22ประกอบด้วยพระราชบัญญัติให้นำวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงมาใช้บังคับในศาลจังหวัด พ.ศ. 2520 มาตรา 3 ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาศาลฎีกาเห็นชอบด้วยในผลฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น แต่ถ้าหากจำเลยเห็นว่าพฤติการณ์เกี่ยวกับคำสั่งของศาลตามมาตรา 74(5)ได้เปลี่ยนแปลงไป ขอให้ศาลเปลี่ยนแปลงแก้ไขคำสั่งนั้นหรือมีคำสั่งใหม่ก็ชอบที่จะร้องขอต่อศาลชั้นต้นตามความในมาตรา 74 วรรคท้าย
พิพากษายืน