คำสั่งคำร้องที่ 328/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยทั้งสองและจำเลยร่วมฎีกา เนื่องจากผู้ร้อง เคยเป็นทนายความของโจทก์ในคดีนี้ โดยมีสัญญาตกลงเรื่อง ผลประโยชน์กันไว้ว่า ถ้าผู้ร้องว่าความให้โจทก์ชนะคดี โจทก์ตกลงแบ่งเงินที่ได้จากการขายที่พิพาทในคดีนี้ให้ผู้ร้อง ดังนั้นเมื่อโจทก์ชนะคดีในชั้นอุทธรณ์ ผู้ร้องจึงเป็น ผู้มีส่วนได้เสียในที่ดินพิพาทด้วย และการที่โจทก์และ จำเลยที่ 1 ที่ 2 และจำเลยร่วมในคดีนี้ทำสัญญาประนีประนอม ยอมความกัน ก็เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการปฏิบัติตามสัญญา ในการแบ่งผลประโยชน์ในที่ดินพิพาทให้แก่ผู้ร้อง ทำให้ผู้ร้องได้รับ ความเสียหาย ผู้ร้องจึงขอร้องสอดเข้ามาในคดีนี้ เพื่อให้ได้ รับการรับรองคุ้มครองสิทธิหรือบังคับตามสิทธิที่มีอยู่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1) และการทำสัญญา ประนีประนอมยอมความในคดีนี้จะทำให้สภาพบังคับในคดี ที่ผู้ร้องฟ้องโจทก์ในคดีนี้ให้ปฏิบัติตามสัญญาแบ่งผลประโยชน์ จะต้องเสียไป โปรดงดการพิพากษาตามยอมไว้ก่อน โปรดอนุญาต หมายเหตุ โจทก์ จำเลยทั้งสอง และจำเลยร่วมยังไม่ได้ รับสำเนาคำร้อง ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น นายสินชัย ทองอยู่ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นจำเลยร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ จำเลยที่ 2ได้ถึงแก่กรรมนายสินชัย ทองอยู่ จำเลยร่วม ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนที่จำเลยที่ 2 ผู้มรณะ ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งอนุญาต ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินตามโฉนดเลขที่ 18783 ถึง 18850 และโฉนด เลขที่ 18853 ถึง 18918 และเลขที่ 441 แขวงลาดกระบังเขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร รวม 135 โฉนด เนื้อที่ 60 ไร่1 งาน 79 ตารางวา ให้แก่โจทก์ ให้โจทก์ชำระเงินแก่จำเลยทั้งสองจำนวน 27,800,000 บาท ในวันที่จำเลยทั้งสองโอนกรรมสิทธิ์ ที่ดินแก่โจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียม ทำสัญญาซื้อขายให้โจทก์กับจำเลยทั้งสองออกใช้เท่ากันทั้งสองฝ่าย หากฝ่ายจำเลย ไม่ยอมออก ให้โจทก์ออกใช้ไปก่อนแล้วคิดหักเอาจากราคา ที่ดินที่โจทก์จะต้องชำระแก่จำเลยทั้งสอง หากจำเลยทั้งสอง ไม่ยอมโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินแก่โจทก์ ให้ถือเอาคำพิพากษา แทนการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสองได้ คำขออื่นให้ยก จำเลยทั้งสองและจำเลยร่วมฎีกา (อันดับ 169) ศาลฎีกาทำคำพิพากษาแล้ว คดีอยู่ระหว่างนัดฟังคำพิพากษาโจทก์ จำเลยทั้งสอง และจำเลยร่วมแถลงร่วมกันว่าคดีตกลงกันได้ แล้วตามสัญญาประนีประนอมยอมความที่ได้เสนอต่อศาล ขอให้ศาล โปรดพิจารณา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ส่งสำนวนไปศาลฎีกาเพื่อ พิจารณาพิพากษาต่อไป (อันดับ 236,245) ผู้ร้องยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 246)

คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองขอให้โอน กรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทตามสัญญาจะซื้อจะขายเอกสารหมาย จ.1จำเลยที่ 1 ให้การว่าที่ดินพิพาทเดิมเป็นของนายชุ่ม ทองอยู่เมื่อนายชุ่มตาย จำเลยที่ 2 เป็นผู้จัดการมรดกบุคคลภายนอก เคยทำสัญญาจะซื้อที่ดินพิพาท ในราคา 60 ล้านบาท ต่อมาร่วมกับโจทก์หลอกลวงให้จำเลยทำสัญญา จะซื้อจะขายเอกสารหมาย จ.1 ในราคา 28 ล้านบาท ประเด็น แห่งคดีจึงมีว่าจำเลยทั้งสองผิดสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินพิพาท ต่อโจทก์หรือไม่ การที่ผู้ร้องขอร้องสอดเข้ามาในคดีเพียง อ้างเหตุว่าโจทก์ไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงว่าถ้าโจทก์ชนะคดีนี้ จะแบ่งส่วนเปอร์เซ็นต์จากเงินที่ได้จากการขายที่ดินพิพาทซึ่งไม่เกี่ยวเนื่องกับประเด็นในคดีนี้และไม่เกี่ยวเนื่องด้วยการบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งคดีนี้แต่อย่างไรผู้ร้องซึ่งเป็นบุคคลภายนอกจึงไม่อาจเข้ามาเป็นคู่ความด้วยการ ร้องสอด ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1)(2)(3) ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา และไม่อาจขอให้ศาลฎีกามีคำสั่ง ให้งดการทำคำพิพากษาตามยอมตามสัญญาประนีประนอมยอมความชั้นฎีกา ระหว่างโจทก์กับจำเลยได้ ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ

Share