คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 506/2538

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การเข้าร่วมกระทำความผิดด้วยกันที่กฎหมายบัญญัติว่าเป็นตัวการจะต้องเป็นการเข้าร่วมในระหว่างที่มีการกระทำความผิดแต่เมื่อไม่ปรากฏว่าระหว่างที่ อ. กับ น. ไปรับผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้เยาว์ออกมาจากบ้านจนถึงเวลาที่นำผู้เสียหายไปยังบ้านที่เกิดเหตุนั้นจำเลยทั้งสองได้มีส่วนร่วมรู้เห็นหรือร่วมกระทำการด้วยทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองร่วมคบคิดหรือนัดแนะกับ อ.และ น. อยู่ก่อนแล้วในการที่ อ. กับ น. จะพาผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจารแม้จำเลยทั้งสองได้ตามไปยังบ้านที่เกิดเหตุและได้ร่วมประเวณีกับผู้เสียหายก็ถือไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองเป็นตัวการร่วมกับ อ. และ น. พาผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจาร

ย่อยาว

โจทก์ ทั้ง สอง สำนวน ฟ้อง ว่า เมื่อ ระหว่าง วันที่ 27 ตุลาคม 2535เวลา กลางคืน หลัง เที่ยง ถึง วันที่ 28 ตุลาคม 2535 เวลา กลางคืนก่อน เที่ยง ต่อเนื่อง กัน จำเลย ทั้ง สอง กับพวก ที่ ยัง จับ ไม่ได้ อีก 3 คนร่วมกัน พราก นางสาว ก. อายุ 15 ปี ไป จาก ความ ปกครอง ดูแล ของ นาง ข. ผู้เป็น มารดา โดย ใช้ อุบาย ล่อลวง นางสาว ก. ให้ หลงเชื่อ ไป กับพวก จำเลย เพื่อ การ อนาจาร โดย นางสาว ก. ไม่เต็ม ใจ ไป ด้วย เมื่อ นางสาว ก. ไป กับพวก จำเลย ตาม ที่ ถูก ล่อลวง แล้ว จำเลย ทั้ง สอง กับพวก ใช้ กำลัง ประทุษร้าย กอดปล้ำ นางสาว ก. ซึ่ง มิใช่ ภรรยา ของ จำเลย ทั้ง สอง กับพวก จน นางสาว ก. เกิด ความ กลัว และ อยู่ ใน ภาวะ ที่ ไม่สามารถ ขัดขืน ได้ แล้ว จำเลย ทั้ง สอง กับพวก ร่วมกัน ข่มขืนกระทำ ชำเรา นางสาว ก. จน สำเร็จความใคร่ อัน มี ลักษณะ เป็น การ โทรมหญิง เหตุ เกิด ที่ แขวง สีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร ขอให้ ลงโทษ ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91, 276 วรรคสอง , 318
จำเลย ทั้ง สอง ให้การ ปฏิเสธ
ศาลชั้นต้น พิจารณา แล้ว พิพากษา ว่า จำเลย ทั้ง สอง มี ความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 318 วรรคสาม ประกอบ ด้วย มาตรา 83 จำคุกคน ละ 9 ปี ใน ชั้นสอบสวน จำเลย ทั้ง สอง ให้การรับสารภาพ เป็น ประโยชน์แก่ การ พิจารณา มีเหตุ บรรเทา โทษ ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78ลดโทษ ให้ หนึ่ง ใน สาม คง จำคุก คน ละ 6 ปี จำเลย ที่ 1 แม้ อายุ ไม่เกิน20 ปี แต่ พิจารณา ตาม พฤติการณ์ ของ การกระทำ แล้ว ไม่ ลด มาตรา ส่วน โทษ ให้คำขอ อื่น ให้ยก
จำเลย ทั้ง สอง อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษากลับ ให้ยก ฟ้อง
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “พิเคราะห์ แล้ว ข้อเท็จจริง เบื้องต้นฟังได้ ว่า ใน วัน เวลา ที่เกิดเหตุ ตาม ฟ้อง นาย เอกับนายเนะ ได้ ขับ รถจักรยานยนต์ ไป รับ ผู้เสียหาย ซึ่ง เป็น ผู้เยาว์ ที่ บ้าน อ้างว่าจะ พา ผู้เสียหาย ไป หา นาย แสง ซึ่ง เป็น คน รัก ของ ผู้เสียหาย แต่ นาย เอ กับ นาย เนะ กลับ ขับ รถจักรยานยนต์ พา ผู้เสียหาย ไป ที่ สนามบิน เครื่องบิน บังคับ ขนาด เล็ก ซึ่ง อยู่ ที่ ถนน เตชะตุงคะ แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร ไป ถึง แล้ว นาย เนะ พยายาม จะ ข่มขืน กระทำ ชำเรา ผู้เสียหาย แต่ ผู้เสียหาย ไม่ยินยอม นาย เอกับนายเนะ จึง ขับ รถจักรยานยนต์ พา ผู้เสียหาย ไป ที่ บ้าน เพื่อน ของ นาย เนะ ซึ่ง อยู่ ใกล้ ๆ วัด นาวง ใน เขต จังหวัด ปทุมธานี เมื่อ ไป ถึง แล้ว นาย เนะ ได้ พา ผู้เสียหาย เข้า ไป ร่วมประเวณี ใน ห้องน้ำ หลังจาก นั้น นาย เอ กับ ชาย อีก 3 คน ซึ่ง ตาม ไป ภายหลัง ก็ ได้ ผลัด กัน เข้า ไป ร่วมประเวณี กับ ผู้เสียหายใน ห้องน้ำ ที ละ คน จน ครบ คดี มี ปัญหา ต้อง วินิจฉัย ตาม ฎีกา ของ โจทก์ ว่าจำเลย ทั้ง สอง ได้ ร่วม กับพวก กระทำ ความผิด ฐาน พราก ผู้เยาว์ ไป เพื่อการ อนาจาร หรือไม่ เห็นว่า การ เข้าร่วม กระทำ ความผิด ด้วยกัน ที่ กฎหมายบัญญัติ ว่า เป็น ตัวการ นั้น จะ ต้อง เป็น การ เข้าร่วม ใน ระหว่าง ที่ มี การกระทำ ความผิด แต่ ใน ทางพิจารณา ก็ ไม่ปรากฏ ว่า ระหว่าง ที่นาย เอ กับ นาย เนะ ไป รับ ผู้เสียหาย ออก มาจาก บ้าน จน ถึง เวลา ที่ นำ ผู้เสียหาย ไป ยัง บ้าน ที่เกิดเหตุ นั้น จำเลย ทั้ง สอง ได้ มี ส่วน ร่วม รู้เห็น หรือร่วม กระทำการ ดังกล่าว ด้วย แต่อย่างใด ทั้ง การ ที่นาย เอกับนายเนะ จะ พา ผู้เสียหาย ไป เพื่อ การ อนาจาร ก็ ไม่ปรากฏ ว่า จำเลย ทั้ง สอง ร่วม คบคิดหรือ นัดแนะ กับ นาย เอและนายเนะ อยู่ ก่อน แล้ว ดังนี้ แม้ ข้อเท็จจริง จะ ฟังได้ ว่า จำเลย ทั้ง สอง ได้ ตาม ไป ยัง บ้าน ที่เกิดเหตุ และ ได้ร่วมประเวณี กับ ผู้เสียหาย จริง ตาม ที่ โจทก์ นำสืบ ก็ ถือไม่ได้ว่าจำเลย ทั้ง สอง เป็น ตัวการ ร่วม กับ นาย เอและนายเนะ พา ผู้เสียหาย ไป ใน คืน เกิดเหตุ จำเลย ทั้ง สอง จึง ไม่มี ความผิด ฐาน พราก ผู้เยาว์ไป เพื่อ การ อนาจาร ตาม ที่ โจทก์ ฟ้อง ที่ ศาลอุทธรณ์ พิพากษายก ฟ้องของ โจทก์ ใน ข้อหา นี้ ศาลฎีกา เห็นพ้อง ด้วย ใน ผล ฎีกา ของ โจทก์ฟังไม่ขึ้น ”
พิพากษายืน

Share