คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3305/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีเดิมจำเลยฟ้องโจทก์ขอให้ศาลลงโทษตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค มีการตกลงกันว่าจำเลยขอผัดผ่อนการชำระหนี้แก่โจทก์เพื่อให้ศาลใช้ดุลพินิจลงโทษจำเลยต่อไป ไม่มีข้อตกลงว่า เมื่อโจทก์ชำระเงินงวดสุดท้ายแล้วจำเลยจะถอนฟ้อง หรือจะถอนฟ้องเมื่อโจทก์ชำระหนี้ครบถ้วนแล้ว เมื่อโจทก์ชำระหนี้งวดสุดท้ายเกินกำหนดเวลาในข้อตกลงเกือบ 2 เดือน จึงไม่มีความผูกพันที่จำเลยจะต้องยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง ดังนั้นการที่โจทก์ต้องถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุกมิใช่เป็นผลจากการกระทำของจำเลย
คดีต้องห้ามอุทธรณ์ปัญหาข้อเท็จจริง ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายของศาลอุทธรณ์ต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยจากพยานหลักฐานในสำนวน หากข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นฟังมาไม่พอแก่การวินิจฉัยข้อกฎหมาย ศาลอุทธรณ์ย่อมรับฟังข้อเท็จจริงใหม่เพิ่มเติมได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยฟ้องโจทก์ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คโจทก์ชำระหนี้ให้จำเลยครบแล้วจำเลยไม่ถอนฟ้องทำให้โจทก์ถูกจำคุกเป็นเวลา 1 เดือนขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 310, 311
ก่อนไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ขอถอนฟ้องจำเลยที่ 4 ศาลอนุญาต
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘โจทก์ฎีกาว่าคดีนี้ศาลอุทธรณ์ต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 194 แต่ศาลอุทธรณ์กลับฟังข้อเท็จจริงผิดไปจากศาลชั้นต้นเป็นการไม่ชอบพิเคราะห์แล้วเห็นว่าศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าในคดีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คซึ่งจำเลยเป็นโจทก์ฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นจำเลยนั้นโจทก์นำเงินไปชำระเกินกำหนดนัดฟังคำพิพากษาและโจทก์ไม่ไปศาลในวันนัดฟังคำพิพากษาเพื่อแถลงให้ศาลทราบถึงการชำระหนี้ของตนจนกระทั่งมีการออกหมายจับโจทก์ก็ไม่ได้ตัวโจทก์มาจึงอ่านคำพิพากษาลับหลังโจทก์จำเลยไป ทั้งการถอนฟ้องในคดีที่จำเลยยื่นคำให้การแล้วก็ต้องสอบจำเลยก่อนโจทก์ชำระหนี้ให้จำเลยล่าช้ากว่ากำหนดอาจทำให้จำเลยละเลยในการถอนฟ้องไปได้ ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้ววินิจฉัยว่าตามข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่504/2524 ไม่ปรากฏใจความว่าเมื่อโจทก์ชำระเงินงวดสุดท้ายแล้วจำเลยจะถอนฟ้องดังที่โจทก์อ้างกลับมีใจความว่าจำเลยขอผลัดผ่อนชำระหนี้แก่โจทก์เพื่อให้ศาลใช้ดุลพินิจลงโทษจำเลยต่อไป ฉะนั้นเมื่อโจทก์ชำระหนี้งวดสุดท้ายเกินกำหนดเวลาในข้อตกลงเกือบ 2เดือนจึงไม่มีความผูกพันที่จำเลยจะต้องถอนฟ้อง ดังนี้ศาลชั้นต้นมิได้วินิจฉัยว่ามีข้อตกลงกันว่าจำเลยจะถอนฟ้องเมื่อโจทก์ชำระเงินให้ครบแล้วเหตุผลที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยนั้นเป็นทำนองว่าแม้จะมีข้อตกลงจะถอนฟ้องการกระทำของจำเลยก็ไม่เป็นความผิดเพราะโจทก์ชำระหนี้เกินกำหนดเท่านั้นและในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายของศาลอุทธรณ์ซึ่งจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยจากพยานหลักฐานในสำนวนหากข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นฟังมาไม่พอแก่การวินิจฉัยข้อกฎหมายศาลอุทธรณ์ย่อมรับฟังข้อเท็จจริงใหม่เพิ่มเติมเมื่อข้อเท็จจริงทั้งหลายปรากฏอยู่ในสำนวนได้โดยชอบฎีกาข้อนี้ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
โจทก์ฎีกาต่อมาว่าเมื่อข้อเท็จจริงฟังว่ามีการตกลงว่าจำเลยจะถอนฟ้องเมื่อโจทก์ชำระหนี้เสร็จแต่จำเลยไม่ถอนเป็นเหตุให้ศาลพิพากษาลงโทษจำคุกโจทก์จำเลยจึงมีความผิดตามฟ้องนั้นเห็นว่าการตกลงผ่อนชำระหนี้ในคดีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นลงวันที่ 18 มีนาคม 2524 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่504/2524 ไม่มีข้อตกลงว่าจำเลยจะถอนฟ้องเมื่อโจทก์ชำระหนี้ครบถ้วนแล้ว จึงไม่มีความผูกพันที่จำเลยจะต้องยื่นคำร้องขอถอนฟ้องคดีดังกล่าวการที่โจทก์ต้องถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุกมิใช่เป็นผลจากการกระทำของจำเลยจำเลยจึงไม่มีความผิดตามที่โจทก์ฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีชอบแล้วฎีกาของโจทก์ข้อนี้ก็ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน’
พิพากษายืน.

Share