คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5673/2530

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยทั้งสองถูกเจ้าหนี้รายอื่นกับโจทก์ฟ้องเป็นคดีอาญา หลายเรื่อง จำเลยที่ 2 จึงได้หลบหนีไป และในการส่งหมายเรียก และสำเนาคำฟ้องคดีนี้ให้แก่จำเลยที่ 2 ต้องประกาศ หนังสือพิมพ์ ส่วนจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นห้างหุ้นส่วนก็ต้องส่งโดยวิธีปิดหมาย โดยเจ้าพนักงานผู้ส่งหมายรายงานว่าไม่มีป้ายชื่อห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยที่ 1 อยู่ที่ภูมิลำเนาตามฟ้อง ทั้งโจทก์นำสืบได้ความว่า จำเลยทั้งสองไม่มีทรัพย์สินใดที่จะชำระหนี้ได้ พฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่า จำเลยทั้งสองได้ไปเสียจากเคหสถานที่เคยอยู่และปิดสถานที่ประกอบธุรกิจเพื่อประวิงการชำระหนี้ หรือมิให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ต้องด้วยข้อสันนิษฐานว่าจำเลยทั้งสองมีหนี้สินล้นพ้นตัวตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483มาตรา 8(4) ข.แล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอศาลพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัดและจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้จัดการ เป็นบุคคลล้มละลาย จำเลยทั้งสองไม่ยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาที่ว่า จำเลยทั้งสองมีหนี้สินล้นพ้นตัวอันสมควรตกเป็นบุคคลล้มละลายหรือไม่นั้น ได้ความว่าจำเลยทั้งสองถูกเจ้าหนี้รายอื่นรวมทั้งโจทก์ในคดีนี้ฟ้องเป็นคดีอาญาหลายเรื่อง โดยเฉพาะโจทก์ในคดีนี้ฟ้องจำเลยทั้งสองเป็นคดีอาญาเกี่ยวกับเช็ค 1 สำนวน และหลังจากถูกฟ้องคดีอาญาดังกล่าว แล้วจำเลยที่ 2 ก็หลบหนีไป ในการส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องในคดีนี้ให้แก่จำเลยที่ 2 จึงต้องประกาศทางหนังสือพิมพ์ส่วนจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด ก็ส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องโดยวิธีธรรมดาไม่ได้ ต้องส่งโดยวิธีปิดหมาย โดยได้ความจากรายงานการเดินหมายของเจ้าพนักงานศาลว่าที่ภูมิลำเนาของจำเลยที่ 1 ตามฟ้องไม่มีป้ายชื่อห้างหุ้นส่วนจำกัดจำเลยที่ 1อยู่เลย ทั้งโจทก์นำสืบได้ความว่าจำเลยทั้งสองไม่มีทรัพย์สินใดที่จะชำระหนี้ได้เพราะได้จำหน่ายจ่ายโอนไปหมดแล้ว พฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นลูกหนี้ได้ไปเสียจากเคหสถานที่เคยอยู่และปิดสถานที่ประกอบธุรกิจ เพื่อประวิงการชำระหนี้ หรือมิให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ ต้องด้วยข้อสันนิษฐานว่าจำเลยทั้งสองมีหนี้สินล้นพ้นตัวตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 8(4) ข. และโดยที่จำเลยทั้งสองก็มิได้เข้ามาต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์หักล้างข้อสันนิษฐานดังกล่าวว่าจำเลยทั้งสองยังมีทรัพย์สินพอที่จะชำระหนี้ได้หรือไม่ประการใด คดีจึงฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองมีหนี้สินล้นพ้นตัวอันเข้าหลักเกณฑ์ที่เจ้าหนี้จะฟ้องให้ล้มละลายได้ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์ ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้พิทักษ์ทรัพย์จำเลยทั้งสองเด็ดขาดตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 14 ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลแทนโดยหักจากกองทรัพย์สินของจำเลยทั้งสองสำหรับค่าทนายความให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์กำหนดตามที่เห็นสมควร”

Share