คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 14/2537

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

มูลคดีเกิดในเขตอำนาจของศาลจังหวัดฝาง พยานหลักฐานต่าง ๆก็อยู่ในเขตอำนาจของศาลจังหวัดฝาง ถ้าโจทก์ฟ้องคดีที่ศาลจังหวัดฝางก็จะเป็นการสะดวกแก่การพิจารณาพิพากษาคดียิ่งกว่าการฟ้องต่อศาลอาญาแม้จำเลยจะต้องขังอยู่ในเขตอำนาจศาลอาญา โจทก์ก็ชอบที่จะร้องขอต่อศาลอาญาให้สั่งให้เรือนจำที่คุมขังจำเลยอยู่ส่งตัวจำเลยไปคุมขังยังเรือนจำอำเภอฝางได้ ดังนั้น ที่ศาลอาญาใช้ดุลพินิจไม่อนุญาตให้โจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลอาญา จึงชอบแล้ว การอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งไม่อนุญาตให้โจทก์ฟ้องคดีต่อศาลชั้นต้นแม้จะเป็นการอุทธรณ์ดุลพินิจของศาลชั้นต้น ก็เป็นเรื่องที่โจทก์อุทธรณ์โต้แย้งดุลพินิจของศาลชั้นต้น ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 14(5) มิใช่เป็นการอุทธรณ์โต้แย้งข้อเท็จจริงในเนื้อหาแห่งคำฟ้องที่จะต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 193 ทวิ

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ยื่นคำร้องขอฟ้องจำเลยต่อศาลชั้นต้นว่า ด้วยพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ได้ส่งสำนวนการสอบสวนคดีอาญาที่ 773/2534 ระหว่างบริษัทพชรศรียนต์ผู้กล่าวหา นายโสภณ รักธรรม ผู้ต้องหา เรื่องความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คเหตุเกิดที่ตำบลเวียง อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ให้พนักงานอัยการประจำศาลจังหวัดฝางดำเนินคดี และต่อมาได้มีการโอนสำนวนสอบสวนคดีนี้มาให้พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุดดำเนินคดีแทนเนื่องจากนายโสภณผู้ต้องหาถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ตามหมายขังของศาลชั้นต้นในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ช.4219/2533 และคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ช.3779/2533 และปรากฏว่าการนำตัวนายโสภณผู้ต้องหาซึ่งถูกคุมขังในเรือนจำดังกล่าวไปเพื่อฟ้องยังศาลจังหวัดฝาง ไม่เป็นการสะดวกทั้งในการควบคุมและการดำเนินคดีอีกทั้งนายโสภณถูกควบคุมอยู่ในเขตอำนาจของศาลอาญา ซึ่งตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 14(5)บัญญัติให้บรรดาคดีที่เกิดขึ้นนอกเขตอำนาจของศาลอาญานั้นจะยื่นฟ้องต่อศาลอาญาได้ จึงขออนุญาตฟ้องจำเลยที่ศาลชั้นต้น
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า มูลคดีเกิดในเขตอำนาจศาลจังหวัดฝางพยานต่าง ๆ ก็อยู่ในเขตอำนาจศาลจังหวัดฝาง ถ้าหากฟ้องคดีที่ศาลจังหวัดฝางจะเป็นการสะดวกในการพิจารณาคดียิ่งกว่าที่ศาลชั้นต้น ประกอบกับข้อหาแห่งคดีมิใช่เหตุฉกรรจ์ถ้าหากอนุญาตให้ฟ้องที่ศาลชั้นต้นได้ แม้การสืบพยานโจทก์ต้องส่งประเด็นไปสืบที่ศาลจังหวัดฝางทั้งหมดย่อมไม่เป็นการสะดวกด้วยประการทั้งปวงจึงไม่อนุญาตให้ฟ้องที่ศาลชั้นต้น ให้ยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่โจทก์ฎีกาปัญหาข้อกฎหมายว่าเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้โจทก์ฟ้องคดีต่อศาลชั้นต้น แม้คดีที่โจทก์ฟ้องเป็นคดีซึ่งมีอัตราโทษอย่างสูงให้จำคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับคดีโจทก์ก็ไม่ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ เพราะการที่โจทก์อุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นเพื่อให้ศาลอุทธรณ์สั่งรับคำฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณามิใช่การอุทธรณ์โต้แย้งข้อเท็จจริงในเนื้อหาแห่งคำฟ้องนั้น เห็นว่า การอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งไม่อนุญาตให้โจทก์ฟ้องคดีต่อศาลชั้นต้น แม้จะเป็นการอุทธรณ์ดุลพินิจของศาลชั้นต้นก็ตาม แต่คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวก็มิได้ก้าวล่วงไปวินิจฉัยข้อเท็จจริงในเนื้อหาแห่งคำฟ้องของโจทก์แต่อย่างใด อุทธรณ์ของโจทก์คงเป็นเรื่องที่โจทก์ขอให้ศาลอุทธรณ์สั่งให้ศาลชั้นต้นรับคำฟ้องของโจทก์ไว้พิจารณาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น กรณีเช่นนี้จึงเป็นเรื่องที่โจทก์อุทธรณ์โต้แย้งดุลพินิจของศาลชั้นต้นตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 14(5) มิใช่เป็นการอุทธรณ์โต้แย้งข้อเท็จจริงในเนื้อหาแห่งคำฟ้องที่จะต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 193 ทวิ ดังข้อวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของโจทก์เสียนั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังขึ้น
ส่วนที่โจทก์ฎีกาขอให้ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ฟ้องคดีต่อศาลชั้นต้น (ศาลอาญา) ได้นั้น เห็นว่า ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 14(5) บัญญัติให้อำนาจศาลอาญาไว้ว่า บรรดาคดีที่เกิดขึ้นนอกเขตของศาลอาญาจะยื่นฟ้องต่อศาลอาญาก็ได้ทั้งนี้ให้อยู่ในดุลพินิจของศาลอาญาที่จะไม่ยอมรับพิจารณาพิพากษาคดีใดคดีหนึ่งที่ยื่นฟ้องเช่นนั้นได้ เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่ามูลคดีเกิดในเขตอำนาจของศาลจังหวัดฝาง พยานหลักฐานต่าง ๆ ก็อยู่ในเขตอำนาจของศาลจังหวัดฝางถ้าโจทก์ฟ้องคดีที่ศาลจังหวัดฝางก็จะเป็นการสะดวกแก่การพิจารณาพิพากษาคดียิ่งกว่าการฟ้องต่อศาลชั้นต้น จริงอยู่แม้จำเลยจะต้องขังอยู่ในเขตอำนาจของศาลชั้นต้นในขณะที่โจทก์ขออนุญาตฟ้องจำเลยต่อศาลชั้นต้นก็ตามแต่โจทก์ก็ชอบที่จะร้องขอต่อศาลชั้นต้นให้สั่งให้เรือนจำที่คุมขังจำเลยอยู่ส่งตัวจำเลยไปคุมขังยังเรือนจำอำเภอฝางได้ แม้การควบคุมตัวจำเลยไปยังเรือนจำอำเภอฝางจะมีความยุ่งยากหรือลำบากอยู่บ้างดังที่โจทก์กล่าวในฎีกา แต่ก็อยู่ในวิสัยของพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องที่จะกระทำได้ จึงชอบที่โจทก์จะฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดฝางแทนที่จะฟ้องต่อศาลชั้นต้น ดังนั้น ที่ศาลชั้นต้นใช้ดุลพินิจไม่อนุญาตให้โจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลชั้นต้นจึงชอบแล้วฎีกาของโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน”
พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้บังคับคดีตามคำสั่งศาลชั้นต้น

Share