คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1749/2542

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์จำเลยทั้งสองแถลงรับข้อเท็จจริงกัน และตกลง ให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยสัญญาตัวแทนจำหน่ายปุ๋ยเอกสารฉบับที่พิพาทเพียงประเด็นเดียวว่า สัญญาดังกล่าวขัดต่อความสงบเรียบร้อยอันจะตกเป็นโมฆะหรือไม่ หากข้อสัญญาดังกล่าวไม่ตกเป็นโมฆะจำเลยทั้งสองจะต้องรับผิดตามฟ้องโจทก์หากข้อสัญญาดังกล่าวตกเป็นโมฆะโจทก์ต้องรับผิดต่อจำเลยทั้งสองโดยไม่ต้องมีการสืบพยานกันต่อไป ข้อตกลงเช่นนี้ถือได้ว่ามีลักษณะเป็นคำท้าหรือมีการตกลงกันในประเด็นแห่งคดีโดยมิได้มีการถอนคำฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 138 แล้ว หาจำต้องมีข้อความว่าคู่ความตกลงท้ากันหรือให้ถือเอาเป็นประเด็นข้อแพ้ชนะแห่งคดี จึงจะเป็นคำท้าไม่ ข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลยทั้งสองในเรื่องจำเลยที่ 1ในฐานะตัวแทนให้สัญญากับโจทก์ในฐานะตัวการว่าจะจำหน่ายปุ๋ยให้แก่เกษตรกรในนามของตนเองในราคาและเงื่อนไขที่กำหนดเรื่องการส่งเงินค่าปุ๋ยแก่โจทก์ในกรณีขายเงินสดขายเงินเชื่อหากมีเงินค้างชำระยอมให้คิดราคาปุ๋ยเพิ่มขึ้นตามอัตราที่ตกลงกัน และข้อปฏิบัติในเมื่อสัญญาสิ้นสุดลง เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นข้อตกลงที่เป็นพันธะผูกพันระหว่างคู่กรณีมิได้เกี่ยวข้องหรือกระทบไปถึงผลประโยชน์ส่วนได้เสียของประชาชนโดยทั่วไปเมื่อศาลชั้นต้นเห็นว่าข้อตกลงนี้ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนไม่ตกเป็นโมฆะจำเลยทั้งสองต้องรับผิดตามฟ้องตามคำท้า โดยไม่จำต้องวินิจฉัยคดีในประเด็นข้ออื่นที่คู่ความตกลงสละแล้วต่อไปอีก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชำระเงินจำนวน 292,384.21บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 189,452.41บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยทั้งสองให้การ และฟ้องแย้งขอให้ยกฟ้องโจทก์และให้โจทก์ชำระเงินจำนวน 70,785.75 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องแย้งจนกว่าจะชำระเงินเสร็จแก่จำเลยทั้งสอง
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งขอให้ยกฟ้องแย้ง
ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น คู่ความทั้งสองฝ่ายแถลงรับข้อเท็จจริงร่วมกันตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 5 กรกฎาคม2539 ว่า จำเลยทั้งสองได้รับปุ๋ยจากโจทก์และจ่ายเงินให้กับโจทก์ตามหนังสือสัญญาค้ำประกันของธนาคารทหารไทย จำกัด สาขาอุดรธานีถูกต้องตรงกันโดยจ่ายชำระเงินไปทั้งสิ้น 769,820.25 บาทในวันที่ 28 พฤษภาคม 2530 และวันที่ 28 กรกฎาคม 2530คดีมีประเด็นต้องตีความสัญญาตัวแทนจำหน่ายปุ๋ยตามเอกสารหมาย จ.3ในข้อที่ 14, 15 และ 19 ว่าสัญญาดังกล่าวขัดต่อความสงบเรียบร้อยอันจะตกเป็นโมฆะหรือไม่ หากสัญญาดังกล่าวไม่ตกเป็นโมฆะจำเลยทั้งสองต้องรับผิดตามฟ้องแก่โจทก์ และหากสัญญาทั้งสามข้อดังกล่าวตกเป็นโมฆะ โจทก์ต้องรับผิดต่อจำเลยทั้งสองตามคำแถลงของจำเลยทั้งสองฉบับลงวันที่ 7 มีนาคม 2539 คู่ความทั้งสองฝ่ายไม่สืบพยาน
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าสัญญาตามเอกสารหมาย จ.3 ข้อ 14, 15และ 19 ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนแล้วพิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระเงินจำนวน 292,384.21 บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงิน 189,452.41 บาทนับตั้งแต่วันถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ยกฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสอง
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสองฎีกาว่า ตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้น ฉบับลงวันที่ 5 กรกฎาคม 2539โจทก์และจำเลยทั้งสองเพียงแถลงรับข้อเท็จจริงร่วมกันว่าจำเลยทั้งสองได้รับปุ๋ยจากโจทก์ และจำเลยทั้งสองได้ชำระเงินค่าปุ๋ยให้โจทก์ตามหนังสือสัญญาค้ำประกันของธนาคารทหารไทย จำกัดสาขาอุดรธานี จำนวน 769,820.25 บาท ในวันที่ 28 พฤษภาคม 2530และวันที่ 28 กรกฎาคม 2530 ที่คู่ความให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าข้อตกลงตามสัญญาตัวแทนจำหน่ายปุ๋ยตามเอกสารหมาย จ.3 ข้อ 14,15 และ 19 ขัดต่อความสงบเรียบร้อยตกเป็นโมฆะหรือไม่นั้น มิใช่คำท้าเพราะคู่ความมิได้แถลงสละประเด็นที่ศาลชั้นต้นกำหนดในชั้นชี้สองสถาน เมื่อศาลชั้นต้นเห็นว่าข้อสัญญาดังกล่าวไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย ศาลชั้นต้นต้องวินิจฉัยต่อไปว่าจำเลยทั้งสองต้องรับผิดต่อโจทก์หรือไม่ เห็นว่า ตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นฉบับลงวันที่ 5 กรกฎาคม 2539มีข้อความว่า คู่ความทั้งสองฝ่ายแถลงข้อเท็จจริงร่วมกันว่าจำเลยทั้งสองได้รับปุ๋ยจากโจทก์และจ่ายเงินให้แก่โจทก์ตามหนังสือสัญญาค้ำประกันของธนาคารทหารไทย จำกัด สาขาอุดรธานีถูกต้องตรงกันโดยชำระเงินไป 769,820.25 บาท เมื่อวันที่ 28พฤษภาคม และ 28 กรกฎาคม 2530 คดีมีประเด็นต้องตีความสัญญาตัวแทนจำหน่ายปุ๋ยเอกสารหมาย จ.3 ในข้อ 14, 15 และ 19 ว่าสัญญาดังกล่าวข้อต่อความสงบเรียบร้อยอันจะตกเป็นโมฆะหรือไม่หากสัญญาดังกล่าวไม่ตกเป็นโมฆะจำเลยจะต้องรับผิดตามฟ้องโจทก์และหากสัญญาทั้งสามข้อดังกล่าวตกเป็นโมฆะโจทก์ต้องรับผิดต่อจำเลยตามคำแถลงของจำเลยฉบับลงวันที่ 7 มีนาคม 2539คู่ความไม่ติดใจสืบพยานต่อไป ศาลชั้นต้นจึงนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 5 สิงหาคม 2539 เวลา 10 นาฬิกา กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องที่โจทก์จำเลยทั้งสองแถลงรับข้อเท็จจริงกันและตกลงให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยสัญญาตัวแทนจำหน่ายปุ๋ยเอกสารหมาย จ.3 ข้อ 14, 15และ 19 เพียงประเด็นเดียวว่า สัญญาดังกล่าวขัดต่อความสงบเรียบร้อยอันจะตกเป็นโมฆะหรือไม่ หากข้อสัญญาดังกล่าวไม่ตกเป็นโมฆะจำเลยทั้งสองจะต้องรับผิดตามฟ้องโจทก์ หากข้อสัญญาดังกล่าวตกเป็นโมฆะโจทก์ต้องรับผิดต่อจำเลยทั้งสองตามคำแถลงของจำเลยฉบับลงวันที่ 7 มีนาคม 2539 โดยไม่ต้องมีการสืบพยานกันต่อไปข้อตกลงเช่นนี้ถือได้ว่ามีลักษณะเป็นคำท้าหรือมีการตกลงกันในประเด็นแห่งคดีโดยมิได้มีการถอนคำฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 138 แล้ว โดยไม่จำต้องมีข้อความว่าคู่ความตกลงท้ากันหรือให้ถือเอาเป็นประเด็นข้อแพ้ชนะแห่งคดีจึงจะเป็นคำท้าตามที่จำเลยทั้งสองเข้าใจ เมื่อปรากฏว่าข้อตกลงตามสัญญาตัวแทนจำหน่ายปุ๋ยเอกสารหมาย จ.3 ข้อ 14, 15และ 19 เป็นข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลยทั้งสองในเรื่องจำเลยที่ 1ในฐานะตัวแทนให้สัญญากับโจทก์ในฐานะตัวการว่าจะจำหน่ายปุ๋ยให้แก่เกษตรกรในนามของตนเองในราคาและเงื่อนไขที่กำหนดเรื่องการส่งเงินค่าปุ๋ยแก่โจทก์ในกรณีขายเงินสด ขายเงินเชื่อ หากมีเงินค้างชำระยอมให้คิดราคาปุ๋ยเพิ่มขึ้นตามอัตราที่ตกลงกัน และข้อปฏิบัติในเมื่อสัญญาสิ้นสุดลงเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นข้อตกลงที่เป็นพันธะผูกพันระหว่างคู่กรณี มิได้เกี่ยวข้องหรือกระทบไปถึงผลประโยชน์ส่วนได้เสียของประชาชนโดยทั่วไป เมื่อศาลชั้นต้นเห็นว่าข้อตกลงนี้ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนไม่ตกเป็นโมฆะจำเลยทั้งสองต้องรับผิดตามฟ้องตามคำท้า
พิพากษายืน

Share