คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5440/2551

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ป.วิ.พ. มาตรา 223 ทวิ บัญญัติหลักเกณฑ์ในการอุทธรณ์ปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา ให้ผู้อุทธรณ์ยื่นคำร้องขออนุญาตต่อศาลชั้นต้นพร้อมคำฟ้องอุทธรณ์ เมื่อศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์และส่งสำเนาคำฟ้องอุทธรณ์และคำร้องแก่จำเลยอุทธรณ์แล้ว หากไม่มีคู่ความอื่นยื่นอุทธรณ์และจำเลยอุทธรณ์มิได้คัดค้านคำร้องดังกล่าว ก็ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสั่งคำร้องนั้นว่าจะอนุญาตหรือไม่ การที่โจทก์ยื่นคำร้องขออนุญาตอุทธรณ์ปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในคำฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์ว่า รับเป็นอุทธรณ์ของโจทก์ และมีคำสั่งในคำร้องของโจทก์ว่าอุทธรณ์ของโจทก์เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมาย จึงให้รวบรวมถ้อยคำสำนวนส่งศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัย ถือได้ว่าศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์อุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาแล้ว แต่ศาลชั้นต้นไม่ได้ส่งสำเนาคำฟ้องอุทธรณ์และสำเนาคำร้องขออนุญาตอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาแก่จำเลยอุทธรณ์ จึงเป็นการไม่ชอบด้วยบทกฎหมายดังกล่าว การที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ในชั้นตรวจคำฟ้อง หาเป็นข้อยกเว้นให้ไม่ต้องส่งสำเนาคำฟ้องอุทธรณ์และสำเนาคำร้องขออนุญาตอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาแก่จำเลยอุทธรณ์แต่อย่างใดไม่ คำสั่งอนุญาตให้โจทก์อุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาจึงไม่ชอบ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลมีคำสั่งหรือถือว่าโจทก์พ้นจากการเป็นผู้ค้ำประกันไม่ต้องรับผิดตามสัญญาค้ำประกันไม่ว่าจำเลยที่ 1 จะได้รับชำระหนี้จากจำเลยที่ 2 ครบหรือไม่ หากโจทก์พ้นจากการเป็นผู้ค้ำประกันด้วยผลจากมูลเหตุของจำเลยคนใดให้จำเลยคนนั้นชำระค่าป่วยการ ค่าขาดประโยชน์แก่โจทก์ จำนวน 10,000 บาท
ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องแล้ว เห็นว่า โจทก์ได้ยื่นฟ้องจำเลยทั้งสองต่อศาลชั้นต้นเป็นคดีหมายเลขแดงที่ 690/2549 และศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องแล้ว คดีอยู่ระหว่างระยะเวลาอุทธรณ์ การที่โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นคู่ความเดียวกัน และมูลคดีอย่างเดียวกันแม้จะอ้างเหตุต่างกัน กรณียังไม่มีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นที่โจทก์จะเสนอคดีต่อศาลที่มีเขตอำนาจได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 ทั้งเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144 พิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้รวบรวมถ้อยคำสำนวนส่งศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ บัญญัติหลักเกณฑ์ในการอุทธรณ์ปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา โดยให้ผู้อุทธรณ์ยื่นคำร้องขออนุญาตต่อศาลชั้นต้นพร้อมคำฟ้องอุทธรณ์ เมื่อศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์และส่งสำเนาคำฟ้องอุทธรณ์และคำร้องแก่จำเลยอุทธรณ์แล้ว หากไม่มีคู่ความอื่นยื่นอุทธรณ์และจำเลยอุทธรณ์มิได้คัดค้านคำร้องดังกล่าวภายในกำหนดเวลายื่นคำแก้อุทธรณ์ ก็ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสั่งคำร้องนั้นว่าจะอนุญาตหรือไม่ คดีนี้โจทก์ยื่นคำร้องขออนุญาตอุทธรณ์ปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในคำฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์ว่า “โจทก์อุทธรณ์ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด รับเป็นอุทธรณ์ของโจทก์” และมีคำสั่งในคำร้องของโจทก์ว่า “พิเคราะห์แล้วตามอุทธรณ์ของโจทก์ เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมาย จึงให้รวบรวมถ้อยคำสำนวนส่งศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัย” ถือได้ว่าศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์อุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาแล้ว แต่ศาลชั้นต้นไม่ได้ส่งสำเนาคำฟ้องอุทธรณ์และสำเนาคำร้องขออนุญาตอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาแก่จำเลยอุทธรณ์ จึงเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายดังกล่าว การที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ในชั้นตรวจคำฟ้อง หาเป็นข้อยกเว้นให้ไม่ต้องส่งสำเนาคำฟ้องอทุธรณ์และสำเนาคำร้องขออนุญาตอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาแก่จำเลยอุทธรณ์แต่อย่างใดไม่ คำสั่งอนุญาตให้โจทก์อุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาจึงไม่ชอบ”
พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ส่งอุทธรณ์ของโจทก์ต่อศาลฎีกา ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ แล้วมีคำสั่งใหม่ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นนี้ให้เป็นพับ

Share