แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกินสามปี และปรับไม่เกินหกพันบาท หรือตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง จึงต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงสำหรับความผิดฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิคงอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงได้เฉพาะข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 357 ซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ไม่ฎีกา ข้อหาความผิดฐานรับของโจรจึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ส่วนข้อหาความผิดฐานลักทรัพย์โจทก์อุทธรณ์โต้เถียงการรับฟังพยานหลักฐานโจทก์จำเลยของศาลชั้นต้นเพื่อนำไปสู่ข้อกฎหมายที่ว่าการกระทำของจำเลยครบองค์ประกอบความผิดฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334หรือไม่ จึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ ศาลอุทธรณ์หาอาจรับวินิจฉัยข้ออุทธรณ์ดังกล่าวของโจทก์ได้ไม่ ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยมีความผิดฐานลักทรัพย์จึงไม่ชอบ ปัญหานี้แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา แต่เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334, 357
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 334 จำคุก 2 ปี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกินสามปี และปรับไม่เกินหกพันบาท หรือรับของโจรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ จึงต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงสำหรับข้อหาความผิดฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 193 ทวิ คงอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงได้เฉพาะข้อหาความผิดฐานรับของโจร ซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ไม่ฎีกา ข้อหาความผิดฐานรับของโจรจึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ส่วนข้อหาความผิดฐานลักทรัพย์โจทก์อุทธรณ์โต้เถียงการรับฟังพยานหลักฐานโจทก์จำเลยของศาลชั้นต้นเพื่อนำไปสู่ข้อกฎหมายที่ว่าการกระทำของจำเลยครบองค์ประกอบความผิดฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334หรือไม่ จึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ ศาลอุทธรณ์หาอาจรับวินิจฉัยข้ออุทธรณ์ดังกล่าวของโจทก์ได้ไม่ ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยมีความผิดฐานลักทรัพย์จึงไม่ชอบ ปัญหานี้แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา แต่เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่วินิจฉัยข้อหาความผิดฐานลักทรัพย์ นอกจากนี้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์