แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2500ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยกระทำผิดในวันที่ 23 กุมภาพันธ์2500 ถือว่าเป็นการแตกต่างในข้อสารสำคัญ เท่ากับจำเลยไม่ได้กระทำผิดตามวันที่โจทก์ฟ้อง ต้องยกฟ้อง.จำเลยจะหลงข้อต่อสู้หรือไม่ ไม่สำคัญ
จำเลยเบิกความเท็จ และนำสืบแสดงหลักฐานเท็จต่อศาลในคดีแพ่ง ว่าก่อนตายผู้ตายไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ โดยจำเลยรู้ดีอยู่แล้วว่าผู้ตายได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์ให้โจทก์และจำเลย ศาลหลงเชื่อจึงสั่งตั้งให้จำเลยเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย แล้วจำเลยได้นำสำเนาคำสั่งศาลนั้นไปแสดงต่อเจ้าพนักงานที่ดิน เจ้าพนักงานที่ดินก็บันทึกข้อความคำสั่งศาลไว้ว่าเป็นมรดกไม่มีพินัยกรรมและโอนโฉนดใส่ชื่อจำเลยในฐานะเป็นผู้จัดการมรดกดังนี้จะถือว่าจำเลยแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสาร ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 267 ไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177,180, 267, 90, 91
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกาในข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยได้ยื่นคำร้องต่อศาลขอเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย อ้างว่าจะมีพินัยกรรมหรือไม่ ไม่มีทางทราบต่อมาวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2500 จำเลยเบิกความต่อศาลว่า ก่อนตายผู้ตายไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าผู้ตายได้ทำพินัยกรรมตั้งแต่ก่อนที่จำเลยยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดก ศาลเชื่อว่าเป็นมรดกไม่มีพินัยกรรมมีคำสั่งตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกแล้วจำเลยได้นำสำเนาคำสั่งศาลไปแสดงต่อเจ้าพนักงานที่ดิน ๆจึงบันทึกข้อความตามคำสั่งศาลนั้นลงไว้ว่าเป็นมรดกไม่มีพินัยกรรมและโอนโฉนดใส่ชื่อจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดก ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์ฟ้องว่าจำเลยเบิกความเท็จในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2500 แตกต่างกับข้อเท็จจริงที่ได้ความในการพิจารณาในข้อสารสำคัญ จำเลยจะหลงต่อสู้หรือไม่ไม่สำคัญ เท่ากับว่าจำเลยไม่ได้กระทำผิดฐานนั้นตามวันที่โจทก์ฟ้อง ส่วนความผิดตามมาตรา 267 ข้อเท็จจริงก็ปรากฏว่าจำเลยได้นำสำเนาคำสั่งศาลไปแสดงต่อเจ้าพนักงานที่ดิน ๆ ก็บันทึกข้อความคำสั่งศาลไว้ว่าเป็นมรดกไม่มีพินัยกรรม และโอนโฉนดใส่ชื่อจำเลยในฐานะเป็นผู้จัดการมรดกให้เท่านั้น จะถือว่าจำเลยแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารไม่ได้ ที่เจ้าพนักงานจัดการให้ก็เพราะมีสำเนาคำสั่งศาลอันมีข้อความปรากฏอยู่แล้วเป็นหลักฐาน จำเลยมิได้แจ้งเท็จต่อเจ้าพนักงานแต่ประการใด จึงลงโทษจำเลยตามมาตรา 267 ไม่ได้ดุจกัน
พิพากษายืน