คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7/2549

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยใช้ไม้สนซึ่งเป็นไม้เนื้อแข็ง มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 6 เซนติเมตร ยาวประมาณ 70 เซนติเมตร ซึ่งมีขนาดโตพอควร ตีศีรษะผู้เสียหาย 1 ครั้ง โดยเลือกตีที่ศีรษะอันเป็นอวัยวะสำคัญ การที่กะโหลกศีรษะแตก มีเลือดคั่งในสมองจากการถูกตี แสดงว่าจำเลยตีอย่างแรง จำเลยย่อมเล็งเห็นผลแห่งการกระทำของตนว่าอาจเป็นเหตุให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตายได้ ทั้งตามความเห็นของแพทย์ผู้รักษาหากแพทย์ไม่ผ่าตัดสมองรักษาให้ทันท่วงที ผู้เสียหายอาจถึงแก่ความตาย จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่า
จำเลยกับผู้เสียหายรับจ้างทำงานก่อสร้างสะพานด้วยกัน ก่อนเกิดเหตุจำเลยเร่งให้เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งและผู้เสียหายทำงาน แล้วโต้เถียงกับผู้เสียหาย จำเลยท้าทายผู้เสียหายให้ขึ้นมาชกกันบนคันคลอง แต่ผู้เสียหายยังคงนั่งก้มหน้าทำงานและพูดว่า จะลุ้นกับรุ่นพ่อ ซึ่งหมายความว่าอยากจะชกต่อยกับจำเลยที่มีอายุรุ่นเดียวกับพ่อของผู้เสียหาย แม้คำพูดเช่นนี้ของผู้เสียหายจะไม่เหมาะสมบ้าง แต่ก็เป็นเพียงการยั่วโทสะจำเลยเท่านั้น การที่จำเลยหยิบไม้เดินลงไปตีศีรษะผู้เสียหายในขณะนั้นจึงไม่ใช่การกระทำความผิดโดยบันดาลโทสะ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 80, 288
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 288 ประกอบมาตรา 80 จำคุก 10 ปี คำรับของจำเลยในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ตาม ป.อ. มาตรา 78 ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 6 ปี 8 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยพยายามฆ่าผู้เสียหายหรือไม่ การที่จำเลยใช้ไม้สนขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 6 เซนติเมตร ยาวประมาณ 70 เซนติเมตร ซึ่งเป็นไม้เนื้อแข็งและมีขนาดโตพอสมควร เลือกตีที่บริเวณศีรษะอันเป็นอวัยวะสำคัญจนกะโหลกศีรษะแตก มีเลือดคั่งในสมองแสดงว่าจำเลยตีผู้เสียหายอย่างแรง จำเลยย่อมเล็งเห็นผลแห่งการกระทำของตนว่าเป็นเหตุให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตายได้ ทั้งตามความเห็นแพทย์ยังได้ความว่าหากไม่รักษาทันท่วงทีผู้เสียหายอาจถึงแก่ความตายได้ ดังนั้น พฤติการณ์ของจำเลยดังกล่าวถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย เมื่อผู้เสียหายไม่ถึงแก่ความตายเนื่องจากได้รับการรักษาทันท่วงที การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยกระทำความผิดด้วยเหตุบันดาลโทสะหรือไม่ วันเกิดเหตุผู้เสียหายจำเลยกับพวกประมาณ 10 คน ไปรับจ้างนายบุญสมรับเหมาสร้างสะพาน ก่อนเกิดเหตุจำเลยเร่งให้ผู้ร่วมงานคนหนึ่งและผู้เสียหายทำงานให้เร็ว แล้วโต้เถียงกับผู้เสียหาย จำเลยเป็นฝ่ายท้าทายผู้เสียหายเพียงฝ่ายเดียวให้ขึ้นมาชกกันบนคันคลอง โดยผู้เสียหายมิได้รับคำท้าของจำเลยและไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายได้กระทำการใด ๆ อันเป็นการคุกคามต่อความปลอดภัยในร่างกายของจำเลย ผู้เสียหายเพียงแต่พูดว่า อยากลุ้นกับรุ่นพ่อ ซึ่งคำพูดดังกล่าวมีความหมายว่าอยากต่อยกับรุ่นพ่อ ซึ่งการพูดจาของผู้เสียหายดังกล่าวเป็นเพียงการยั่วโทสะจำเลยเท่านั้น แม้จะเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมอยู่บ้าง พฤติการณ์ของผู้เสียหายที่แสดงต่อจำเลยยังถือไม่ได้ว่าได้กระทำการข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมตาม ป.อ. มาตรา 72 การที่จำเลยหยิบไม้เดินลงไปตีศีรษะผู้เสียหายในขณะนั้นจึงมิใช่เป็นการกระทำความผิดด้วยเหตุบันดาลโทสะ
พิพากษายืน.

Share