คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4290/2550

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ศาลแพ่งได้ออกหมายบังคับคดีส่งไปให้ศาลชั้นต้นบังคับคดีแทน เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยได้เมื่อจำเลยเห็นว่าการขายทอดตลาดดังกล่าวไม่ชอบเพราะราคาที่ขายได้ต่ำเกินสมควร เพราะเกิดจากการคบคิดฉ้อฉลในระหว่างผู้ที่เกี่ยวข้องในการเข้าสู้ราคาหรือความไม่สุจริตหรือความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของเจ้าพนักงานบังคับคดีในการปฏิบัติหน้าที่จำเลยยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดต่อศาลชั้นต้นก่อนที่ศาลชั้นต้นส่งเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดนั้นไปให้ศาลแพ่งได้และหากศาลชั้นต้นพบว่ามีความไม่ถูกต้องของการบังคับคดีจริงตามที่จำเลยกล่าวอ้าง ย่อมมีอำนาจสั่งไต่สวนและมีคำสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดนั้นเสียได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 309 ทวิ วรรคสอง หาขัดต่อมาตรา 302 ไม่

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลแพ่งออกหมายบังคับคดีและขอให้ศาลชั้นต้นดำเนินการบังคับคดีแทน เนื่องจากที่ดินของจำเลยที่โจทก์ประสงค์จะยึดมาขายทอดตลาดบังคับชำระหนี้นั้นอยู่ในเขตอำนาจของศาลชั้นต้น ต่อมาเจ้าพนักงานบังคับคดีในเขตอำนาจศาลชั้นต้นได้ยึดและขายทอดตลาดที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของจำเลย จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่า การขายทอดตลาดทรัพย์สินดังกล่าวไม่ชอบ เนื่องจากราคาที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์สินมีจำนวนต่ำเกินสมควร โดยเกิดจากการคบคิดฉ้อฉลในระหว่างโจทก์กับเจ้าพนักงานบังคับคดีและผู้เกี่ยวข้องในการเข้าสู้ราคาทั้งยังเป็นความไม่สุจริตและความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของเจ้าพนักงานบังคับคดีในการปฏิบัติหน้าที่ด้วย ขอให้ศาลชั้นต้นไต่สวนและมีคำสั่งให้เพิกถอนการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดี และให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการขายทอดตลาดใหม่
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยยื่นคำร้องขอเพิกถอนการขายทอดตลาดต่อศาลชั้นต้นเป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 302 เนื่องจากศาลชั้นต้นมิใช่ศาลที่พิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีและมิใช่ศาลที่ออกหมายบังคับคดีแต่เป็นเพียงศาลที่บังคับคดีแทน จึงมีคำสั่งยกคำร้องของจำเลย
จำเลยอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นว่า คดีนี้แม้ศาลที่ได้พิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีในชั้นต้น คือศาลแพ่งได้ออกหมายบังคับคดีส่งไปให้ศาลชั้นต้นบังคับคดีแทน ปรากฏข้อเท็จจริงตามท้องสำนวนว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยได้ในวันที่ 17 พฤษภาคม 2549 ซึ่งเมื่อจำเลยเห็นว่าการขายทอดตลาดดังกล่าวไม่ชอบเพราะราคาที่ขายได้ต่ำเกินสมควร โดยอ้างว่าเกิดจากการคบคิดฉ้อฉลในระหว่างผู้ที่เกี่ยวข้องในการเข้าสู้ราคาหรือความไม่สุจริตหรือความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของเจ้าพนักงานบังคับคดีในการปฏิบัติหน้าที่จำเลยก็ได้ไปยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดต่อศาลชั้นต้นในวันที่ 30 พฤษภาคม 2549 อันเป็นช่วงเวลาที่ศาลชั้นต้นยังไม่ได้ส่งเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดนั้นไปให้ศาลแพ่ง ผู้ร้องจึงย่อมยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นซึ่งได้รับแต่งตั้งให้บังคับคดีแทนก็ได้ และหากศาลชั้นต้นพบว่ามีความไม่ถูกต้องของการบังคับคดีปรากฏขึ้นต่อศาลจริงตามที่จำเลยกล่าวอ้าง ศาลชั้นต้นซึ่งได้รับมอบหมายจากศาลแพ่งให้ดำเนินการบังคับคดียึดทรัพย์และขายทอดตลาดแทนย่อมมีอำนาจสั่งไต่สวนและมีคำสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดนั้นเสียได้เพื่อให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรมตามที่เห็นสมควรตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 309 ทวิ วรรคสอง หาขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 302 ไม่ เหตุนี้ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องของจำเลยที่ยื่นต่อศาลชั้นต้นโดยให้จำเลยไปยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย”
พิพากษายกคำสั่งของศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นรับคำร้องขอเพิกถอนการขายทอดตลาดของจำเลยไว้พิจารณาแล้วสั่งเพื่อดำเนินการพิจารณาต่อไป ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ทั้งสองศาลให้รวมสั่งเมื่อมีคำสั่งใหม่

Share