คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 421/2546

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำว่า ศิษย์ซึ่งอยู่ในความดูแล ตาม ป.อ. มาตรา 285 มิได้หมายถึงเฉพาะผู้ที่มีความสัมพันธ์ในฐานะครูหรืออาจารย์ซึ่งมีหน้าที่สอนศิษย์เท่านั้น แต่ครูหรืออาจารย์นั้นต้องมีหน้าที่ควบคุมดูแลปกป้องรักษาตัวศิษย์และกระทำความผิดตามที่กฎหมายบัญญัติต่อศิษย์ในระหว่างมีหน้าที่ดังกล่าวด้วย เมื่อจำเลยเป็นเพียงครูหรืออาจารย์ในการสอนกวดวิชาตามที่มีผู้ไปสมัครเรียนตามความสมัครใจ และเมื่อผู้สมัครเรียนชำระค่าสมัครแล้วจะไปเรียนหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความสนใจที่จะใฝ่หาความรู้ อีกทั้งไม่ได้ความว่าสถาบันกวดวิชาของจำเลยมีระเบียบหรือข้อบังคับเคร่งครัดอย่างใด ย่อมแสดงว่าจำเลยไม่มีหน้าที่รับผิดชอบควบคุมดูแลปกป้องรักษาตัวศิษย์ตลอดระยะเวลาที่ทำการสอน ดังนั้น แม้จำเลยจะข่มขืนกระทำชำเราโจทก์ร่วมที่ 2 ซึ่งเป็นผู้เรียนกวดวิชากับจำเลย ก็มิใช่เป็นการกระทำต่อศิษย์ซึ่งอยู่ในความดูแลของจำเลย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ , ๒๗๖ , ๒๘๕ , ๓๑๘
เดิมจำเลยให้การปฏิเสธ เมื่อสืบพยานโจทก์ไปบ้างแล้วจำเลยขอถอนคำให้การเดิมที่ปฏิเสธฟ้องโจทก์ เป็นขอให้การรับสารภาพตามฟ้องโจทก์ทุกประการ
ระหว่างพิจารณาผู้เสียหายที่ ๑ และที่ ๒ ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๖ วรรคแรก ประกอบด้วยมาตรา ๒๘๕ , ๓๑๘ วรรคสาม เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ ฐานพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจาร จำคุก ๑๐ ปี ฐานข่มขืนกระทำชำเราศิษย์ซึ่งอยู่ในความดูแล จำคุก ๑๐ ปี รวมจำคุก ๒๐ ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ทั้งได้บรรเทาผลร้ายแห่งความผิดโดยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายแก่โจทก์ร่วมทั้งสองจนเป็นที่พอใจ มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ กึ่งหนึ่ง คงจำคุก ๑๐ ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๕ พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว มีปัญหาตามฎีกาของจำเลยว่า ในข้อหาความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา การกระทำของจำเลยจะถือว่าเป็นการกระทำแก่ศิษย์ซึ่งอยู่ในความดูแลอันจะทำให้จำเลยต้องรับโทษหนักขึ้นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๕ หรือไม่ เห็นว่า แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพตามฟ้อง แต่ปัญหานี้เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาเห็นสมควรยกขึ้นวินิจฉัย คำว่า ศิษย์ซึ่งอยู่ในความดูแลตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๕ ต้องตีความโดยเคร่งครัด ซึ่งความหมายของข้อความที่ว่าศิษย์ซึ่งอยู่ในความดูแลนั้นมิได้หมายถึงเฉพาะผู้ที่มีความสัมพันธ์ในฐานะครูหรืออาจารย์ซึ่งมีหน้าที่สอนศิษย์เท่านั้น แต่ครูหรืออาจารย์นั้นต้องมีหน้าที่ควบคุมดูแลปกป้องรักษาตัวศิษย์ และกระทำความผิดตามที่กฎหมายบัญญัติต่อศิษย์ในระหว่างมีหน้าที่ดังกล่าวด้วย คดีนี้จำเลยเป็นเพียงครูหรืออาจารย์ในการสอนกวดวิชาตามที่มีผู้ไปสมัครเรียนตามความสมัครใจ และเมื่อผู้สมัครเรียนชำระค่าสมัครแล้วจะไปเรียนหรือไม่ก็ได้ขึ้นอยู่กับความสนใจที่จะใฝ่หาความรู้ อีกทั้งไม่ได้ความว่าสถาบันของจำเลยมีระเบียบหรือข้อบังคับเคร่งครัดอย่างใด แสดงว่า จำเลยไม่มีหน้าที่รับผิดชอบควบคุมดูแลปกป้องรักษาตัวศิษย์ตลอดระยะเวลาที่ทำการสอน ดังนั้น แม้จำเลยข่มขืนกระทำชำเราโจทก์ร่วมที่ ๒ ตามฟ้อง การกระทำของจำเลยก็มิใช่กระทำต่อศิษย์ซึ่งอยู่ในความดูแลของจำเลยอันจะเป็นผลให้จำเลยต้องรับโทษหนักขึ้น เมื่อการกระทำของจำเลยไม่ต้องด้วยกรณีที่ต้องรับโทษหนักขึ้นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๕ หากเป็นเพียงความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๖ วรรคแรก และมิได้เกิดต่อหน้าธารกำนัล ไม่เป็นเหตุให้โจทก์ร่วมที่ ๒ รับอันตรายสาหัสหรือถึงแก่ความตาย จึงเป็นความผิดอันยอมความได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๑ โจทก์ร่วมทั้งสองยื่นคำร้องขอถอนคำร้องทุกข์ต่อศาลชั้นต้นลงวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๔๔ แม้ศาลชั้นต้นจะมิได้สั่งคำร้องดังกล่าว แต่เมื่อพิจารณารายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นฉบับลงวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๔๔ พออนุมานได้ว่าศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ร่วมทั้งสองถอนคำร้องทุกข์แล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้คำร้องขอถอนคำร้องทุกข์จึงมีผลทำให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องในข้อหาข่มขืนกระทำชำเราของโจทก์ระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๓๙ (๒) ชอบที่ศาลล่างทั้งสองจะต้องจำหน่ายคดีเฉพาะในความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น…
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำหน่ายคดีเฉพาะความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราเสียจากสารบบความ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๕.

Share