คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4154/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้เสียหายชกต่อยและกอดปล้ำกับจำเลยที่ 1 เมื่อจำเลยที่ 1ดิ้นหลุดมาได้ จำเลยที่ 2 ก็ใช้ขวานซึ่งมีใบขวานกว้างประมาณ3 นิ้ว ฟันผู้เสียหายที่ชายโครงซ้ายศีรษะและท้ายทอย จำเลยที่ 1วิ่งไปหยิบปืนมาจ่อที่หน้าผู้เสียหายพร้อมพูดกับจำเลยที่ 2 ว่า”ฆ่าให้ตาย” และได้ความจากแพทย์ผู้ตรวจบาดแผลของผู้เสียหายว่าบาดแผลที่ชายโครงซ้ายยาว 9 เซนติเมตร กว้าง 2 เซนติเมตรลึกตัดกระดูกซี่โครงข้างซ้ายซี่ที่ 9 และซี่ที่ 10 หัก กะบังลมทะลุและไตซ้ายฉีกขาด มีลำไส้ใหญ่โผล่จากปากบาดแผล หากไม่ได้รับการรักษาอาจถึงแก่ความตายได้ แสดงว่าจำเลยที่ 2 ใช้ขวานฟันผู้เสียหายอย่างแรงประกอบกับเป็นขวานค่อนข้างใหญ่ จึงมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย จำเลยทั้งสองมีความผิดฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้เสียหาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองกับพวกอีกสองคนที่หลบหนีได้กระทำผิดหลายกรรมต่างกัน คือ ร่วมกันมีอาวุธปืนซึ่งไม่มีหมายเลขทะเบียนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวติดตัวไปในเมืองตามถนนสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร ร่วมกันใช้ขวานฟันและใช้กำลังชกต่อยนายสมพิศหรือเผือกบุญชื่น ผู้เสียหายหลายทีโดยเจตนาฆ่า จำเลยได้กระทำผิดโดยตลอดแล้วแต่การกระทำไม่บรรลุผล ผู้เสียหายจึงไม่ถึงแก่ความตายสมดังเจตนาของจำเลยทั้งสองกับพวก หลังจากที่ได้กระทำผิดแล้ว จำเลยทั้งสองกับพวกได้ต่อสู้ขัดขวางการจับกุมของนายดาบตำรวจสมชาย บุญญรักษ์โดยใช้อาวุธปืนขู่เข็ญนายดาบตำรวจสมชายว่าจะใช้อาวุธปืนดังกล่าวยิงให้ได้รับอันตรายแก่ชีวิต เหตุเกิดที่แขวงบางพรม เขตตลิ่งชันกรุงเทพมหานคร ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 83, 91,138, 140, 288, 371 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7,8 ทวิ, 72, 72 ทวิ
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297(8), 138, 140, 371 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ ความผิดฐานทำร้ายร่างกายเป็นเหตุได้รับอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297(8) จำคุก 7 ปี ความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานตามมาตรา 138, 140 จำคุก 2 ปี ความผิดฐานมีอาวุธปืนไม่มีเครื่องหมายทะเบียนไว้ในครอบครองตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 7, 8, 72จำคุก 2 ปี ความผิดฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปตามทางสาธารณะโดยไม่รับอนุญาตเป็นการกระทำกรรมเดียว ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ, 72 ทวิ ซึ่งเป็นบทหนักจำคุก 1 ปี รวมให้จำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 12 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 3 เนื่องจากข้อนำสืบเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 8 ปี
โจทก์และจำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80, 83, 138 วรรคสอง, 140 วรรคแรกพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 วรรคหนึ่ง,8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสอง ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ความผิดฐานพยายามฆ่าให้ลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 10 ปี นอกจากที่แก้ไขนี้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น เมื่อรวมโทษทั้งหมดแล้ว ให้จำคุกคนละ 15 ปี ลดโทษ1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 10 ปี
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสองแต่เพียงว่า จำเลยทั้งสองกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายหรือไม่ โจทก์มีผู้เสียหายนายอำนวย วารี นายธงชัย เส็งสมานและนางสาวทองดี เจกะโพธิ์ เป็นประจักษ์พยานเบิกความว่า จำเลยที่ 1กับผู้เสียหายชกต่อยและกอดปล้ำกัน เมื่อจำเลยที่ 1 ดิ้นหลุดมาได้จำเลยที่ 2 ซึ่งลงจากรถยนต์พร้อมกับจำเลยที่ 1 ใช้ขวานฟันผู้เสียหายที่ชายโครงซ้าย 1 ครั้ง ผู้เสียหายทรุดลงนั่ง จำเลยที่ 2ใช้ขวานฟันศีรษะผู้เสียหายอีก 1 ครั้ง และแกว่งขวานถูกท้ายทอยผู้เสียหาย 1 ครั้ง จำเลยที่ 1 วิ่งไปหยิบปืนที่รถยนต์แล้วมาจ่อที่หน้าผู้เสียหายพร้อมกับพูดกับจำเลยที่ 2 ว่าฆ่าให้ตายนายดาบตำรวจสมชาย บุญญรักษ์ ซึ่งได้รับแจ้งมาถึงที่เกิดเหตุ จำเลยทั้งสองกับพวกจึงขึ้นรถยนต์แล้วขับหลบหนีไป และได้ความตามคำเบิกความของนายแพทย์วิชัย วงศ์ชนะภัย ผู้ตรวจบาดแผลของผู้เสียหายประกอบรายงานการตรวจชันสูตรบาดแผล เอกสารหมาย จ.3 ว่า ผู้เสียหายมีบาดแผลฉีกขาดขอบไม่เรียบที่ศีรษะด้านซ้ายยาว 3 เซนติเมตรบาดแผลฉีกขาดขอบเรียบบริเวณหลังหูซ้ายยาว 8 เซนติเมตร กว้าง0.5 เซนติเมตร และบาดแผลฉีกขาดขอบเรียบที่ชายโครงซ้ายยาว 9เซนติเมตร กว้าง 2 เซนติเมตร ลึกตัดกระดูกซี่โครงข้างซ้ายซี่ที่ 9และซี่ที่ 10 หัก กะบังลมทะลุและไตซ้ายฉีกขาด มีลำไส้ใหญ่โผล่จากปากบาดแผล เฉพาะบาดแผลที่ชายโครงซ้ายหากไม่ได้รับการรักษาอาจถึงแก่ความตายได้ แสดงว่าจำเลยที่ 2 ใช้ขวานฟันผู้เสียหายอย่างแรงเมื่อพิจารณาประกอบกับขวานที่จำเลยที่ 2 ใช้ฟันมีด้ามเป็นไม้ ใบขวานกว้างประมาณ 3 นิ้ว เป็นขวานค่อนข้างใหญ่ แสดงว่าจำเลยที่ 2 มีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย ที่จำเลยที่ 2 นำสืบต่อสู้ว่า จำเลยที่ 2 ฟันผู้เสียหายเพียง 1 ครั้ง และแกว่งขวานไปมาเพื่อป้องกันไม่ให้พวกผู้เสียหายเข้ามาทำร้ายตนโดยไม่มีเจตนาฆ่าผู้เสียหายนั้น ขัดกับลักษณะบาดแผลที่ผู้เสียหายได้รับ พยานจำเลยที่ 2 ไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานโจทก์ได้ จำเลยที่ 2 มีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย ส่วนจำเลยที่ 1 ซึ่งพาจำเลยที่ 2 กับพวกกลับมาหาเรื่องกับผู้เสียหายจึงเป็นตัวการก่อเหตุทำร้ายร่างกายผู้เสียหายจนผู้เสียหายถูกจำเลยที่ 2 ใช้ขวานฟันจนผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสและจำเลยที่ 1 ได้ร่วมกอดปล้ำต่อสู้กับผู้เสียหายด้วย อีกทั้งใช้ปืนจ่อที่หน้าผู้เสียหายพร้อมกับพูดกับจำเลยที่ 2 ว่า ฆ่าให้ตายจำเลยที่ 1 จึงมีความผิดฐานร่วมกับจำเลยที่ 2 พยายามฆ่าผู้เสียหายด้วย ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้เสียหาย ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share