คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4153/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ข. ครอบครองที่ดินโดยมิได้มีการยื้อแย่งจากผู้อื่นหากป. ครอบครัวปรปักษ์ที่ดินพิพาทก่อนขายให้ผู้ร้องผู้ร้องก็สามารถนับระยะเวลาการครอบครองติดต่อกันได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1385

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า ที่ดินตามโฉนดตราจองที่ 4930จังหวัดอุตรดิตถ์ มีชื่อนายโป๋นางเพิ่ม เป็นเจ้าของในโฉนดตราจองมีเนื้อที่ 6 ไร่เศษ ต่อมาเมื่อประมาณ 50 ปีมาแล้ว นายโป๋นางเพิ่มได้ยกหรือส่งมอบให้ผู้ครอบครองมาหลายต่อหลายทอด จนครั้งหลังสุดตกได้แก่นางขาว ศรีวิจิตร เป็นผู้ครอบครองทำประโยชน์ในเนื้อที่บางส่วนประมาณ 1 งาน 20 ตารางวา เป็นเวลา 30 ปีเศษแล้ว โดยไม่ได้จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ นางขาว ได้ครอบครองทำประโยชน์ตั้งแต่รับให้เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน ต่อมาเมื่อต้นปี 2538 นางขาว ได้ขายและส่งมอบการครอบครองให้ผู้ร้องในราคา 45,000 บาท โดยไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงาน เจ้าหน้าที่นางขาว ได้ครอบครองด้วยความสงบ เปิดเผย และด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันมาเกินกว่า 30 ปีแล้ว ผู้ร้องได้ครอบครองต่อจากนางขาวตั้งแต่ซื้อและรับมอบที่ดินมาจนถึงปัจจุบัน ผู้ร้องจึงได้กรรมสิทธิ์ตามกฎหมาย ขอให้ศาลมีคำสั่งว่าที่ดินเฉพาะส่วนที่ผู้ร้องครอบครองเนื้อที่ประมาณ 1 งาน 20 ตารางวา ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องโดยการครอบครองปรปักษ์
ศาลชั้นต้น ประกาศ นัด ไต่สวน ไม่มี ผู้ใด คัดค้าน
ศาลชั้นต้น มี คำสั่ง ยกคำร้อง ขอ
ผู้ร้องอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ วรรคหนึ่ง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาของผู้ร้องโดยศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า นางขาว ศรีวิจิตร ครอบครองที่ดินในฐานะเจ้าของหาได้ครอบครองโดยการยื้อแย่งจากผู้อื่น ผู้ร้องจะนับระยะเวลาที่นางขาว ครอบครองเข้าด้วยไม่ได้ ผู้ร้องยังครอบครองไม่ถึง 10 ปี ศาลฎีกาเห็นว่าข้อวินิจฉัยของศาลชั้นต้นเช่นนี้ไม่มีกฎหมายสนับสนุน และเห็นว่า หากนางขาว ครอบครองปรปักษ์ที่ดินพิพาทก่อนขายให้ผู้ร้อง ก็สามารถนับระยะเวลาการครอบครองติดต่อกันได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1385
พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยข้อเท็จจริงและมีคำสั่งใหม่ ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาหรือมีคำสั่งใหม่

Share