แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยทั้งสี่กับนายแม้วร่วมกับพวกพากันไปทำร้ายผู้อื่น เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุมีการต่อสู้ชกต่อยกันแต่ฝ่ายจำเลยสู้ไม่ได้ ขณะที่ฝ่ายจำเลยกำลังหลบหนีออกไปจากที่เกิดเหตุ นายแม้วใช้อาวุธปืนยิงอีกฝ่ายซึ่งไล่ตามมา กระสุนปืนถูกผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บ บาดเจ็บสาหัสและถูก ส. ถึงแก่ความตาย ดังนี้ เมื่อฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสี่รู้ว่านายแม้วมีอาวุธปืนไปด้วย ขณะวิวาทชกต่อยกันก็ไม่มีการใช้อาวุธใด ๆ จึงฟังไม่ได้ว่าการที่นายแม้วใช้อาวุธปืนยิงนั้นจำเลยทั้งสี่มีเจตนาร่วมกระทำผิดด้วย จำเลยทั้งสี่ไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 ตามที่โจทก์ฟ้อง แต่มีความผิดตามมาตรา 290, 295 และ 297 การกระทำของจำเลยทั้งสี่เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษตามมาตรา 290 ซึ่งเป็นบทหนัก และศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยทั้งสี่ตามมาตรา 290 ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสี่กระทำผิดหลายกรรมคือใช้อาวุธปืนยิง ส. ถึงแก่ความตายโดยเจตนาฆ่า และได้ร่วมกันพยายามฆ่าผู้เสียหายอื่นอีกหลายคนโดยใช้อาวุธปืนยิงขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐, ๘๓, ๙๑ ริบของกลาง
จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ริบของกลาง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ จำเลยทั้งสี่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ และประกอบมาตรา ๘๐ แต่ให้ลงโทษตามมาตรา ๒๘๘ ซึ่งเป็นบทหนักให้จำคุกคนละ ๑๕ ปี คำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้ ๑ ใน ๓ คงจำคุกคนละ ๑๐ ปี ของกลางให้ริบ
จำเลยทั้งสี่ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ทางนำสืบของโจทก์ได้ความเพียงว่าจำเลยทั้งสี่กับนายแม้วสมคบกันไปทำร้ายผู้อื่นเท่านั้น พยานหลักฐานโจทก์ยังฟังไม่ได้ว่า จำเลยทั้งสี่รู้ว่านายแม้วมีอาวุธปืนไปด้วย การวิวาทชกต่อยระหว่างฝ่ายจำเลยกับอีกฝ่ายหนึ่งก็ไม่ปรากฏว่ามีการใช้อาวุธใด ๆ นายแม้วใช้อาวุธปืนยิงถูกผู้ตายและผู้เสียหายขณะที่ฝ่ายจำเลยกำลังหนีออกไปจากที่เกิดเหตุ ดังนี้ ศาลฎีกาเห็นว่า หากจำเลยทั้งสี่กับพวกมีเจตนาร่วมกันมาเพื่อใช้อาวุธปืนฆ่าผู้อื่นแล้ว ก็คงจะมีการใช้อาวุธปืนในโอกาสแรกที่ไปถึงที่เกิดเหตุ พฤติการณ์แห่งคดีนี้จึงยังฟังไม่ได้ว่าการที่นายแม้วใช้อาวุธปืนยิงถูกผู้ตายและผู้เสียหายนั้นจำเลยทั้งสี่มีเจตนาร่วมกระทำผิดด้วย จำเลยทั้งสี่จึงไม่มีความผิดตามฟ้อง เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยทั้งสี่กับนายแม้วร่วมกับพวกพากันไปทำร้ายผู้อื่นและมีการต่อสู้ชกต่อยกันแต่ฝ่ายจำเลยสู่ไม่ได้ ขณะกำลังหลบหนีออกไปจากที่เกิดเหตุนายแม้วใช้อาวุธปืนยิงอีกฝ่ายซึ่งไล่ตามมากระสุนปืนถูกผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บบาดเจ็บสาหัส และถูกนายสมศักดิ์ถึงแก่ความตายเช่นนี้ จำเลยทั้งสี่ย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๐, ๒๙๕ และ ๒๙๗ การกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียว ผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษตามมาตรา ๒๙๐ซึ่งเป็นบทหนักที่สุดและศาลฎีกามีอำนาจลงโทษจำเลยทั้งสี่ตามมาตรา ๒๙๐ ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๒
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสี่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๙๐, ๒๙๕, ๒๙๗ ลงโทษตามมาตรา ๒๙๐ ซึ่งเป็นบทหนัก จำคุกคนละ ๖ ปี คำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยทั้งสี่มีประโยชน์แก่การพิจารณาเป็นเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุกคนละ ๔ ปีของกลางริบ