คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 584/2488

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องมีใจความว่า จำเลยได้ปีนขึ้นไปบนเคหะสถานของนายสุขโดยมิได้รับอนุญาตจากนายสุข แล้วลักทรัพย์ไป ตามถ้อยคำในฟ้องพอเป็นที่เข้าใจได้ว่าเป็นทรัพย์ของนายสุข ถือว่าจำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีเมื่อจำเลยรับสารภาพว่าลักทรัพย์ของเขาไปจริง ก็ลงโทษฐานลักทรัพย์ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมิได้รับอนุญาตจากนายสุขให้เข้าไปในเคหะสถาน จำเลยได้บังอาจปีนป่ายเข้าไปบนเคหะสถานของนายสุช แล้วลักเอาสายสร้อยคอทองคำไป ๓ สายกับธนบัตรฉะบับละ ๑ บาท รวมเป็นราคาเงิน ๔๔๑ บาท ขอให้ลงโทษฐานลักทรัพย์
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษ
จำเลยอุทธรณ์ ขอให้ศาลภาคทัณฑ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ฟ้องโจทก์ไม่ได้กล่าวว่าสร้อยคอ ๓ สายและธนบัตร ๑ บาทเป็นทรัพย์ของใคร ฟ้องโจทก์ไม่พอให้จำเลยเข้าใจได้ดีว่าจำเลยลักทรัพย์ของใคร แม้จำเลยจะรับสารภาพก็ลงโทษไม่ได้ พิพากษากลับยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่า ฟ้องโจทก์ว่าจำเลยได้ปีนขึ้นไปบนเคหะสถานของนายสุขโดยมิได้รับอนุญาตจากนายสุขแล้วลักเอาทรัพย์ไป คำว่า “ลัก” ย่อมหมายได้แล้วว่าเป็นการเอาทรัพย์ของผู้อื่นไป แม้โจทก์จะไม่ได้ระบุโดยตรงออกมาว่าเป็นทรัพย์ของใคร แต่ตามถ้อยคำในฟ้องพอเป็นที่เข้าใจได้ว่าเป็นทรัพย์ของนายสุข ฟ้องโจทก์มีข้อความพอสมควรให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้วทั้งจำเลยก็รับสารภาพว่าได้ลักทรัพย์เขาไปจริงดั่งฟ้องพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์

Share