คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1356/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากเรือนที่เช่าโดยโจทก์ได้บอกเลิกสัญญาแล้ว จำเลยต่อสู้ใจความว่า จำเลยเช่าอยู่อาศัย โจทก์ให้คำมั่นว่าจะให้จำเลยเช่า 6 ปี และโจทก์ยังมิได้บอกเลิกสัญญาเช่า ขอให้ยกฟ้องโจทก์ ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาเช่าต่อกันโดยไม่มีกำหนดเวลาเช่า โจทก์ยังไม่ได้บอกเลิกสัญญา พิพากษายกฟ้องโจทก์ ดังนี้ จึงเป็นการสมประโยชน์ของจำเลยที่ขอให้ยกฟ้องโจทก์แล้ว ศาลไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยประเด็นอื่น ๆ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าเรือนไม้ ๒ ชั้นของโจทก์เพื่อการค้า โดยไม่มีกำหนดเวลาเช่า จำเลยเช่าอยู่ ๓ ปี โจทก์บอกเลิกสัญญา ให้จำเลยส่งมอบสถานที่เช่า จำเลยไม่ส่ง ขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากสถานที่เช่า และให้ใช้ค่าเช่าและค่าเสียหาย
จำเลยให้การว่า โจทก์ตกลงให้จำเลยเช่ามีกำหนด ๖ ปี จำเลยไม่ได้ค้างค่าเช่า จำเลยเช่าเพื่ออยู่อาศัย โจทก์มิได้บอกเลิกเช่าล่วงหน้าตามกฎหมาย ยังไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่
ศาลชั้นต้นเห็นว่า โจทก์ยังไม่ได้บอกเลิกสัญญาเช่า ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหาย จำนวนค่าเสียหายไม่จำต้องวินิจฉัย พิพากษายกฟ้องโจทก์
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกอุทธรณ์
จำเลยฎีกาขอให้ศาลชั้นต้นทำการพิจารณาในประเด็นที่ว่า จำเลยเช่าเพื่ออยู่อาศัยได้รับความคุ้มครองของกฎหมายหรือไม่ และพิจารณาคำมั่นที่โจทก์ตกลงให้จำเลยเช่ามีกำหนด ๖ ปี โดยทำการสืบพยานแล้ว พิจารณาพิพากษาตามรูปคดี
ศาลฎีกาเห็นว่า ศาลชั้นต้นทำการพิจารณาแล้ว วินิจฉัยว่าโจทก์จำเลยได้ทำสัญญาเช่าต่อกันโดยไม่มีกำหนดเวลาเช่า โจทก์ยังไม่ได้บอกเลิกสัญญาเช่า พิพากษายกฟ้องโจทก์ จึงเป็นการสมประโยชน์ของจำเลยที่ขอให้ยกฟ้องโจทก์แล้ว ศาลไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยประเด็นอื่น ๆ อีก เพราะถึงแม้จะวินิจฉัยประเด็นอื่น ๆ ด้วย ก็จะไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไป
พิพากษายืน

Share